จากเหตุการณ์ เครนก่อสร้างถล่ม บริเวณถนนพระราม3 ขณะก่อสร้างคอนโดมิเนียม ซึ่งเหตุเกิดเมื่อเวลา 12.15 น. ของวันที่ 3 ม.ค.62 ทำให้มีผู้เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ 4 ราย ส่วนอีก 1ราย ร่างติดอยู่บนยอดเครน ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้เวลา 3ชั่วโมงถึงนำร่างลงมาได้ และส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลเจริญกรุง สุดท้ายเสียชีวิตเมื่อคืนที่ผ่านมา
ช่วงเช้าวันนี้ (24 ม.ค.62) ครอบครัวผู้เสียชีวิตได้ทยอยเดินทางมารับศพ หลังจากที่เจ้าหน้าที่นิิเวช ได้ทำการชันสูตรสพแล้ว ซึง 1 ในผู้เสียชีวิตรายสุดท้ายที่ติดอยู่บนยอดเครน ทราบชื่อคือ เติมศักดิ์ ศรีพิทักษ์ อายุ 42 ปี ซึ่งญาติ และครอบครัวได้เดินทางรอรับศพที่ศูนย์นิติเวชโรงพยาบาลจุฬา
นายชาญชัย สีโห่ เพื่อนร่วมงานของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า “ตนกับผู้เสียชีวิตมีความสนิทสนมและทำงานร่วมกันมาเกือบ 20 ปี ซึ่งผู้เสียชีวิตนั้นมีครอบครัวมีลูกชายสองคน คนเล็กอายุ 2 ขวบและคนโตเรียนอยู่ชั้น ม.3 เดิมทีเป็นคนจังหวัดพิษณุโลกและได้เข้ามาทำงานอยู่ที่กรุงเทพมหานคร นายเติมศักดิ์หรือผู้เสียชีวิตนั้นเป็นผู้ที่เป็นที่รักของเพื่อน ขยันทำงานและรักครอบครัว ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้กับใคร
ขณะที่ครอบครัวนายเติมศักดิ์ ยังทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสีย หัวหน้าครอบครัว ทั้งนี้ จะมีการเคลื่อนย้ายศพในช่วงบ่ายไปยังวัดดอนใหญ่ คลอง8 อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานีเพื่อ ทำพิธีทางศาสนา
ส่วน ผู้เชียวชาญด้านโยธา และการก่อสร้างของสภาวิศวกร พร้อมด้วยกรมโยธาธิการและผังเมืองมหาดไทย ลงพื้นที่ก่อสร้างคอนโดย่านพระราม 3 ที่เกิดเหตุเครนก่อสร้างถล่มทำให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเสียชีวิต 5 คน และบาดเจ็บ 5 คน
นายชูเลิศ นายชูเลิศ จิตเจือจุน หัวหน้าคณะผู้เชียวขาญด้านโยธาและการก่อสร้างของสภาวิศวกร ระบุว่า สภาวิศวะกร จะต้องตรวจสอบว่าการปฏิบัติหน้าที่ของวิศวกรมีการกำกับดูแลถูกต้องตามขั้นตอนหรือไม่ ซึ่งเบื้องต้นยังต้องรอการตรวจสอบ รวมถึงการติดตั้งเครนว่า ต้องขออนุญาตหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับสัญญาของการก่อสร้าง ส่วนใครจะมีความผิดหรือบกพร่องนั้นยังอยู่ในการตรวจสอบว่าปัญหาเกิดจากจุดใด
ทั้งนี้หากตรวจสอบพบความผิดมาจากตัววิศวกร ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต ก็จะดำเนินการลงโทษสูงสุดคือเพิกถอนใบอนุญาต อย่างไรก็ตามต้องมีการพิจารณาอย่างละเอียดก่อน
ส่วนความคืบหน้าคดีพันตำรวจเอกสมโภช สุวรรณจรัส ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลบางโพงพาง เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานจากหลายหน่วยงานที่เข้าไปตรวจสอบ เช่น พิสูจน์หลักฐาน, สภาวิศวกร และ สำนักงานเขตยานนาวา เพื่อเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งขณะยังไม่สามารถระบุได้ว่า จะแจ้งข้อหากับใครบ้าง หรือจะแจ้งกี่ข้อหา แต่เบื้องต้น พบ 1 ข้อหา คือกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับบาดเจ็บ แต่ส่วนนี้ต้องดูว่าใครเกี่ยวข้อง
ส่วนการจัดการเรื่องของการนำศพของผู้เสียชีวิตทั้งหมด ส่งกลับคืนให้ญาติเพื่อนำไปกลับบำเพ็ญกุศลที่ภูมิลำเนา ส่วนอาการของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บนั้น ทราบว่ายังคงอยู่ในความดูแลของแพทย์ ซึ่ง 2 ใน 5 คน พบว่ามีอาการบาดเจ็บสาหัส โดยทันทีที่อาการดีขึ้น เจ้าหน้าที่ก็จะเข้าสอบปากคำทันที