พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวภายหลังการเข้าพบ นายอับดุลลอฮ์ มูฮัมหมัด อัลชุเอบี้ (H.E. Mr.Abdulelah Mohummed Alsheaibie ) อุปทูตซาอุดิอาระเบีย ที่สถานเอกอัครราชทูตซาอุดิอาระเบีย ประจำประเทศไทย เพื่อชี้แจงกรณีที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้อนุญาตให้ น.ส. ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัล-กูนุน หญิงชาวซาอุฯ วัย 18 ปี หลบหนีการแต่งงานเข้ามาที่ประเทศไทย และขณะนี้อยู่ในความดูแลของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR
พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ กล่าวว่า ทางรัฐบาล และสถานเอกอัครราชทูต มั่นใจการทำงานของตำรวจไทย รวมทั้งยืนยันว่า การขอลี้ภัยของนางสาวราฮาฟ เป็นเรื่องภายในครอบครัว ไม่ใช่การลี้ภัยทางการเมือง และได้ติดต่อให้บิดา และพี่ชาย เข้ามาพบกับนางสาวราฮาฟแล้ว แต่ขณะนี้ยังอยู่ในความดูแลของ UNHCR และต้องถามความประสงค์ของนางสาวราฮาฟ ก่อนว่าพร้อมให้ครอบครัวเข้าพบหรือไม่ แต่เมื่อวานนี้ (7 ม.ค.62) นางสาวราฮาฟ ยังไม่พร้อมพูดคุยกับครอบครัว
ทั้งนี้หากนางสาวราฮาฟ ยอมพูดคุยด้วยก็จะให้ทั้งสองฝ่ายเจรจาเป็นไปด้วยดีก็จะให้เป็นไปตามข้อตกลงของทั้งสองฝ่าย แต่หากไม่ยอมเจรจา และนางสาวราฮาฟ ยังยืนยันขอลี้ภัย หรือขอไปประเทศที่สาม ก็จะให้ UNHCR เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งขณะนี้ นางสาวราฮาฟ อยู่ในความดูแลของ UNHCR เท่านั้นไม่ได้เป็นผู้ต้องหา หรือผู้ลี้ภัย เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ
สำหรับการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยของนางสาวราฮาฟ อ้างว่า ต้องการเข้ามาเพื่อนชาวอเมริกัน เดินทางจากประเทศคูเวตเพื่อมาในไทยโดยตรง ไม่ได้ขอเปลี่ยนเครื่องไปยังประเทศอื่น และมาทำวีซ่านักท่องเที่ยวที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองสุวรรณภูมิ แต่ไม่มีหลักฐานการเข้าพัก และตั๋วเครื่องบินขากลับ จึงถูกกักตัวไว้ก่อน รวมทั้งครอบครัวประสานผ่านทางการซาอุดิอาระเบีย ให้ดูแลความปลอดภัยให้ก่อน เนื่องจากนางสาวราฮาฟ หลบหนีจากครอบครัวมา
อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เกิดขึ้นไม่กระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ เพราะเป็นเรื่องภายในครอบครัว ซึ่งทางรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย ก็ขอให้ตำรวจไทยดูแลความปลอดภัยของพลเมือง ส่วนในประเทศซาอุดิอาระเบีย มีหน่วยงานที่ดูแลเรื่องประเพณีและวัฒนธรรมอยู่แล้ว ซึ่งทางการไทยไม่สามารถเข้าไปข้องเกี่ยวได้
ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตซาอุดิอาระเบีย ประจำประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจ้งกรณี นางสาวราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัล-กูนุน ถึงเนื้อหาที่มีการเผยแพร่ทางสื่อโซเชียลมีเดียว่า ทางสถานทูตฯ ได้ทำการยึดหนังสือเดินทางของนางสาวราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัล-กูนุน ไว้ ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เนื่องจากตามที่ทางการไทยได้ชี้แจงว่า นางสาวราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัล-กูนุน ถูกกักตัวไว้นั้นเนื่องจากไม่สามารถแสดงเอกสารสำคัญที่สามารถตรวจสอบได้