อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สั่งเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ติดตามการรื้อถอนโรงแรมหรูริมหาดปากเมง
นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช สั่งการนายณรงค์ คงเอียด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ลงพื้นที่เร่งรัดติดตามการรื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้าง โรงแรมหรูระดับ 5 ดาว เพียงแห่งเดียวริมหาดปากเมง ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา ของ จ.ตรัง มูลค่านับพันล้านบาทริมหาดปากเมง ตามคำพิพากษาศาลฎีกา เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2561 ที่มีคำสั่งเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ น.ส.3 ก.เลขที่ 793 และโฉนดที่ดินเลขที่ 10548 ของบริษัท เจบีบี จำกัด และให้ขับไล่จำเลยและบริวาร พร้อมกับรื้อถอนและขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ดังกล่าว เนื้อที่รวมกว่า 37 ไร่ โดยกรมอุทยานแห่งชาติฯได้ดำเนินการตรวจสอบ และรวบรวมพยานหลักฐานเป็นโจทย์ยื่นฟ้องขับไล่โรงแรมดังกล่าว ว่าเอกสารสิทธิได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
ล่าสุดพบว่าคนงานของบริษัท เค พาวเวอร์ ริช เทรด จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างจากจังหวัดชลบุรี พร้อมคนงานประมาณ 30 คน และเครื่องจักรกลนับ 10 ตัว กำลังเร่งทำการเจาะรื้อถอนอย่างเต็มที่
นายณรงค์ คงเอียด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม กล่าวว่า คดีนี้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากเป็นคดีที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งกรมอุทยานฯได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อฟ้องร้องบริษัท เจบีบี จำกัด หรือโรงแรมอนันตรา ซึ่งเป็นโรงแรม 5 ดาว ในพื้นที่จังหวัดตรัง ซึ่งศาลฎีกาได้พิพากษาสิ้นสุดแล้ว ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2561 ให้บริษัท เจบีบี จำกัด และบริวาร รื้อถอนทรัพย์สินออกจากพื้นที่ทั้งหมด ทั้งนี้ ทางอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้สั่งการให้อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมเร่งรัดให้ทางบริษัทดำเนินการตามคำสั่งศาลฎีกาอย่างเด็ดขาด และโดยด่วนที่สุด เพราะเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน และพบว่าทางบริษัทก็น้อมรับคำสั่งศาลเร่งดำเนินการรื้อถอนและขนย้ายทรัพย์สินออกจากพื้นที่อย่างเต็มที่ แต่โครงสร้างอาคารมีหลายอาคาร และมีความแข็งแรง และมีบางส่วนอยู่ใต้ดิน ซึ่งยากลำบากในการรื้อถอน แต่ขณะนี้การรื้อถอนก็รุดหน้าไปมาก และคาดว่าจะดำเนินการได้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด ซึ่งหลังจากนั้นก็จะเป็นหน้าที่ของอุทยานฯที่จะเร่งดำเนินการฟื้นฟูสภาพพื้นที่ทั้ง 37 ไร่เศษนี้ ให้กลับมาสู่สภาพเดิมเป็นพื้นที่ป่าที่สมบูรณ์ต่อไป
สำหรับ โรงแรมดังกล่าว เคยเปิดดำเนินธุรกิจรับนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวยุโรป บริษัทเอกชน ได้เริ่มทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างอาคารได้ 1 เดือน งานคืบหน้าไปแล้วกว่า 30% ซึ่งตามสัญญารับเหมากำหนดแล้วเสร็จภายในต้นเดือนธันวาคมนี้ ทั้งนี้ วัสดุจากการรื้อถอนบางส่วน รวมทั้งไม้ต่างๆ ผู้รับเหมามีความประสงค์บริจาคให้แก่ วัด โรงเรียน มัสยิด รวมทั้งประชาชนที่จะเอาไปซ่อมแซมบ้าน หรือทำ หรือซ่อมแซมสิ่งสาธารณะให้เกิดประโยชน์กับชุมชน