บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ แจงหลัง ร่วมรายการรัฐบาล “ร่วมใจ พี่น้องไทย ช่วยภัยน้ำท่วม” บินมาฟรี ยันไม่มีใครบังคับ เผย เชียร์ประยุทธ์มาตลอด ทุกคนล้วนมาช่วยด้วยความบริสุทธ์ใจ ทุกยอดจากตนโปร่งใสแน่นอน!
วันนี้ (17 ก.ย.) ที่อาคารปฏิบัติการวิทยุโทรทัศน์ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) นายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ นักแสดงชื่อดัง และอาสากู้ภัยที่เป็นที่จับตามอง ให้สัมภาษณ์หลังเดินทางมาร่วมรายการพิเศษของทางรัฐบาล “ร่วมใจ พี่น้องไทย ช่วยภัยน้ำท่วม” โดยชี้แจงกรณีถูกตั้งข้อสงสัยในโซเชียลว่าถูกบังคับมาจากรัฐบาลใช่หรือไม่ นายบิณฑ์ ได้กล่าวว่า ที่ตนเดินทางมาวันนี้ ได้สายการบินนกแอร์ช่วยอำนวยความสะดวกโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ที่ตนมาในวันนี้เนื่องจากว่าเป็นจังหวะพอดีกับ นายเอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ พี่น้องฝาแฝด ดารานักแสดง และ อาสากู้ภัย ได้เดินทางมากรุงเทพฯ จึงเชิญชวนตรให้มาช่วยรับโทรศัพท์ในวันนี้ แต่วันนี้นายเอกพันธ์ ติดถ่ายละครจึงไม่สามารถเดินทางมาร่วมได้ ตนจึงตั้งใจมาร่วมรายการเพราะคิดว่าเป็นอีกหนึ่งในช่องทางช่วยเหลือ และเพื่อให้เห็นว่าตนไม่มีอะไร อยากมาช่วยประชาชนจริง ๆ พร้อมทั้งย้ำว่า “คนอย่างผม ไม่มีใครมาบังคับผมได้ ผมมาด้วยใจ ผมอยากมาช่วยส่วนรวมจริงๆไม่ได้มีอะไรกับใคร ไม่มีใครมาบังคับผมเลย”
นายบิณฑ์ กล่าวว่า จากกระแสดราม่าของตนกับรัฐบาลนั้น สิ่งที่ตนกับรัฐบาลทำอยู่ เป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ใจ ตนกับนายกฯ ไม่ได้มีอะไร เพียงแต่ตนต้องการอยากสะท้อนภาพที่ได้ไปเห็นมา กับประชาชนที่อยู่ตรงนั้น และขอช่วยก่อน เพราะเห็นว่าถ้าเป็นระบบทางราชการอาจจะช้าเพราะต้องมีการตรวจสอบ มีเพียงความเห็นข้อเดียวที่พูดจริงๆว่า เงินที่แจกให้กับประชาชน 1,000 บาท เพื่อทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น ตรงนั้นตนก็เห็นด้วย แต่ถ้านำมาให้กับประชาชนคนละ 1,000 บาท กับครอบครัวที่เดือดร้อนเชื่อว่าประชาชนจะดีใจมาก ครั้งนี้ตนก็ได้เดินทางกลับมากรุงเทพฯ เพื่อเบิกเงินส่วนตัวไปช่วยผู้ประสบภัย กรณีวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวนั้นถูกโยงนำไปเรื่องอื่น ตนก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ตนเชียร์นายกฯลุงตู่มาตลอด ไม่มีอะไรเลยที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมือง และไม่มีอะไรต้องเคลียร์ใจกับนายกฯ เมื่อเจอก็คงเข้าไปกราบ ซึ่งท่านก็รู้ว่าตนไม่มีเจตนาอะไรทั้งนั้น
นายบิณฑ์ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้มอบเงินส่วนตัวให้ทางจังหวัดอุบลฯ 1,700,000 บาท ส่วนเงินในรายการของรัฐบาลก็จะเป็นหน้าที่นายกฯ ส่วนเงินของตนที่ได้รับบริจาคมาจะมาร่วมกับรัฐบาลหรือไม่นั้น ตนขอคิดดูก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งในขณะนี้ยอด 300 ล้านบาทเข้าไปแล้ว แต่รับรองว่าโปร่งใสแน่นอน ส่วนที่มีการแอบอ้างบัญชีโดนจับหมดแล้ว ถ้าถามว่ารู้สึกอย่างไรก็เห็นใจเพราะบางกลุ่มเป็นแค่เยาวชนเท่านั้นเอง