“บิ๊กตู่” ยืนยันรัฐบาลไม่ได้สร้างสถานการณ์เอง ตอนนี้ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง เหตุการณ์ในครั้งนี้มองว่าคนทำ พฤติกรรมชั่วร้าย
ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า หรือ จปร. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมพิธีวันพระราชทานกำเนิดโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ครบรอบ 132 ปี “11 รอบปีนักษัตร” โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โดยมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่เข้าร่วมพิธีและมีตัวแทนศิษย์เก่าแต่ละรุ่นวางพานพุ่มถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 อย่างคึกคัก เช่น พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พลเอกชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอกพรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และพลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก
ทั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ ได้เป็นตัวแทนศิษย์เก่านักเรียนจปร.วางพานพุ่มถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 โดยในส่วนของพลเอกประวิตร ได้เดินทางมาร่วมวางพานพุ่มถวายสักการะ ตั้งแต่เวลา 06.30 น. และเดินทางกลับก่อนที่พลเอกประยุทธ์จะเดินทางมาถึง
พลเอกประยุทธ์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าลอบวางระเบิดกทม. ว่า ขอให้เชื่อมั่นการทำงานของฝ่ายความมั่นคง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการสืบสวนสอบสวนผู้ต้องหา 2 คน ที่สามารถจับกุมได้ ทราบว่ามีผู้ที่เกี่ยวข้อง 10 กว่าคน ขณะนี้ไม่ได้ตัดสาเหตุจูงใจในการก่อเหตุใดทิ้ง ต้องมีการตรวจสอบต่อไป ว่าเกี่ยวข้องมาจากอะไร หากไปกดดันเจ้าหน้าที่ก็จะทำงานลำบาก คนเราแตกต่างทางความคิดมากมาย ตนก็ยังไม่ได้มุ่งหมายว่า เป็นกลุ่มไหน ส่วนที่ผู้บัญชาการทหารบกระบุว่า เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปี 2549 นั้น เป็นแค่เพียงการเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ในอดีตที่มีการยึดโยงกัน และมีส่วนที่คล้ายคลึงกัน ส่วนจะมีโอกาสที่กลุ่มการเมืองอยู่เบื้องหลังหรือไม่นั้น ยังไม่ทราบ อย่าเพิ่งไปสรุปอะไร และเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ ก็ยังไม่ตัดเหตุการณ์ใดออก ส่วนกรณีที่มารดาของผู้ต้องหาต้องการทราบที่อยู่ของบุตรชาย ก็เป็นเรื่องปกติที่แม่ต้องเป็นห่วงลูก ซึ่งทั้งหมดก็เป็นไปตามวัตถุประสงค์พยาน หรือกล้อง CCTV รวมถึงหลักฐานที่ตรวจสอบพบ เช่นถุงเสื้อผ้าก็มีอยู่แล้ว ดังนั้น ต้องฟังทั้งสองทาง ทั้งเจ้าหน้าที่และผู้ต้องหา ส่วนผู้บาดเจ็บได้ให้ทางกระทรวงสาธารณสุขเข้าไปดูแล
พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ตนถือว่าเป็นการกระทำที่ชั่วร้าย ไม่ว่าที่ใดก็ตามก็มีปัญหากันหมด โดยเฉพาะที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยเวลานี้ คนที่ดำเนินการหรือคนที่เกี่ยวข้องก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นใคร แต่เป็นการกระทำที่ใจร้ายใจดำ ทำให้ประเทศชาติเกิดความวุ่นวาย ในขณะที่กำลังเดินได้อยู่ ในการเป็นรัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย ในส่วนการบูรณาการกล้อง CCTV นั้น ขึ้นอยู่กับการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ ที่ผ่านมาใช้งานได้จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา ซึ่งต่อไปจะให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชี้แจงเป็นขั้นเป็นตอน ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นการบูรณาการครั้งแรก งานด้านการข่าว การดำเนินงาน การพิสูจน์หลักฐาน อย่างไรก็ตาม ไม่ได้กำหนดกรอบเวลาการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งขณะนี้เราก็วางเจ้าหน้าที่ไว้ทุกจุดทุกพื้นที่ และความปลอดภัยไม่ใช่เรื่องของใคร แต่เป็นของประชาชนทุกคน ทั้งนี้ มองว่าเหตุจูงใจครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับที่ตนดูแลทั้งทหารและตำรวจ และมั่นใจไม่น่าจะเกี่ยวกับที่พรรคพลังประชารัฐได้หาเสียงเอาไว้ว่าหากเลือกความสงบจบที่ลุงตู่ ตนเห็นหลายพรรคก็หาเสียงกันทุกเรื่อง อย่าเอาประเด็นมาโยงกันไปมา แค่นี้ปัญหาก็เยอะพอสมควรอยู่แล้ว และอยากถามว่ารัฐบาลมีพิรุธอย่างไร อยากให้มองในประเด็นใหญ่ว่าขณะนี้ประเทศไทยกำลังทำอะไรอยู่ เรากำลังประชุมระดับนานาชาติ มีต่างประเทศเข้าร่วม ทั้งในกรอบอาเซียนและประเทศคู่เจรจา อย่ามองว่ารัฐบาลสร้างสถานการณ์เอง จะทำทำไม ตนอยู่ดีๆ เฉยๆ ไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นไม่ดีกว่าหรืออย่างไร อยากให้คิดให้มีตรรกะก่อนเสมอ