ตำรวจท่องเที่ยวร่วมมือมาเลเซีย บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ “นายเฉินหยวนไข่” พบคนไทยร่วมแก๊งเป็น 10 คน
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการประจำศูนย์ป้องกันและปรามปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจมาเลเซียร่วมกับตำรวจท่องเที่ยวไทย บุกเข้าไปภายในบ้านเดี่ยว บนเนินเขา ย่านถนนมารี พิทเช รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์คอลเซ็นเตอร์ ที่แตกกลุ่มมาจากแก๊งของนายเฉิน หยวน ไข่ ชาวไต้หวัน ที่ยังอยู่ระหว่างหลบหนีการประกันตัว ตั้งแต่ ปี 2560 หลังสืบทราบว่าเป็นศูนย์สั่งการคอลเซ็นเตอร์ของนายเฉิน หยวน ไข่ ที่มาเปิดศูนย์สั่งการเพิ่มเติมนอกเหนือจากประเทศกัมพูชาซึ่งถูกทลายไปก่อนหน้านี้ โดยมีนายปั๊กเป้า ชาวไต้หวันเป็นหัวหน้า จากการเข้าตรวจค้นภายในบ้าน แบ่งออกเป็นห้อง ซึ่งมีโต๊ะ ฉากกั้นเสียง พร้อมอุปกรณ์สื่อสารทั้ง คอมพิวเตอร์, โทรศัพท์มือถือ, ซิมโทรศัพท์พร้อมใช้งาน, สมุดบัญชีธนาคาร
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบโพยรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐระดับสูงรวมถึงบทพูดคุยระหว่างแก๊งคอลเซ็นเตอร์กับเหยื่อที่กำหนดไว้ เช่น จากหน่วยปราบปรามยาเสพติด หน่วยปราบปรามการฟอกเงิน ไปจนถึงศาล
นอกจากนั้นยังพบคนไทย 10 คน ทำหน้าที่โทรศัพท์หาเหยื่อปลายทางในประเทศไทย และมีชายชาวไต้หวัน 2 คน ทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมและสั่งการ ในการหลอกลวงเหยื่อตามกลุ่มเป้าหมายที่ถูกสั่งจากนายปั๊กเป้า ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง ชาวไต้หวัน ซึ่งแก๊งนี้เริ่มปฏิบัติการหลอกลวงคนไทยเป็นเวลา 1 เดือนเศษ มีเหยื่อหลงกลโอนเงินให้แล้วกว่า 4 แสนบาท
ทั้งนี้ การเข้ามากวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 3 ในมาเลเซียของตำรวจท่องเที่ยว ซึ่งจะเห็นได้ว่า การขับเคลื่อนของแก๊งนี้ยังอาศัยคนไทยเป็นตัวเชื่อมสำคัญ ขณะที่กลุ่มคนไทย ก็ยังคงปฏิเสธ และอ้างว่า ถูกหลอกมาทำงาน โดยหนึ่งในคนไทย ซึ่งเป็นทีมงานคอลเซ็นเตอร์ ที่เดินทางมาจากจังหวัดสงขลา และ สุโขทัย อ้างว่า รู้แค่มาทำงาน แต่ไม่รู้ว่าคอลเซ็นเตอร์
พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ กล่าวว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้เป็นแก๊งตั้งใหม่ที่พยายามย้ายศูนย์เพื่อหลบหนีการตรวจสอบ แต่เทคนิคหรือวิธีการ ยังเป็นแบบเดิม โดนก่อนที่ตำรวจจะบุกเข้าทลาย 1 ใน 10 คนไทย หลบหนีออกมาได้ก่อนโดยมุ่งหน้ากลับไปยังอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา แต่ถูกตำรวจรวบตัวได้ก่อนที่จะหนีเข้ากรุง ซึ่งการทำงานปราบปรามระหว่างประเทศ ครั้งที่ 3 ในมาเลเซีย ได้รับการยอมรับและตอบสนองจากทางการมาเลเซียมาก ไม่เพียงจะช่วยตามรอยเบาะแสและพิกัดที่ตั้ง ยังให้ตำรวจท่องเที่ยวของไทย พร้อมชุดสายสืบเข้าร่วมจับกุมด้วย ถือเป็นการทำงานตามแนวทาง วันเวิลด์ วันทีม หรือตำรวจหนึ่งเดียวทั่วโลก