ประธานาธิบดีบราซิล ส่งทหารพร้อมเครื่องมือดับไฟป่าแอมะซอน หลังถูกชาติในยุโรปกดดันเร่งแก้ไขสถานการณ์ ชี้สภาพอากาศแห้งผิดปกติทำให้เกิดไฟป่า
เมื่อวันที่ (24 ส.ค.) นายชาอีร์ โบลโซนารู ประธานาธิบดีบราซิล ได้ออกประกาศผ่านโทรทัศน์ ภายหลังจากนานาชาติโดยเฉพาะบรรดาผู้นำในสหภาพยุโรป (อียู) ออกมากดดันและประท้วงรัฐบาลบราซิลที่วางเฉยต่อไฟป่าในป่าดงดิบแอมะซอน ว่า รัฐบาลตระหนักดีถึงสถานการณ์ไฟป่าในปาดงดิบแอมะซอน จึงจะส่งทหารพร้อมเครื่องมือเข้าไปดับไฟโดยเร็วที่สุด พร้อมกล่าวโทษว่าเป็นเพราะสภาพอากาศที่แห้งผิดปกติ ทำให้เกิดไฟป่า ระบุว่ารัฐบาลจะจัดการกับอาชญากรด้านสิ่งแวดล้อมเช่นเดียวกับอาชญากรทั่วไป และเตือนอีกว่าการเผยแพร่ข่าวเท็จในภาคเหนือของบราซิล ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาไฟป่าแต่อย่างใด
ขณะที่โฆษกของนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ออกมาระบุว่า เหตุไฟไหม้ป่าแอมะซอน ถือเป็นเรื่องฉุกเฉินที่รุนแรงและน่ากลัว มีผลกระทบไม่เพียงแต่บราซิลและประเทศอื่นๆ ใกล้เคียงเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบไปทั้งโลก เรื่องนี้ควรจะถูกหยิบยกขึ้นมาหารือในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก 7 ประเทศ หรือ จี-7 ที่เมืองบิอาริตส์ ของฝรั่งเศสในช่วงสุดสัปดาห์นี้
ก่อนหน้านี้ นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เรียกร้องให้มีการหารือเรื่องนี้ในการประชุมจี-7 พร้อมขู่ว่าฝรั่งเศสจะไม่ให้สัตยาบันข้อตกลงการค้าฉบับสำคัญกับบรรดาชาติต่างๆ ในอเมริกาใต้ หากบราซิลยังไม่เร่งดำเนินการดับไฟป่าแอมะซอน
ทั้งนี้ ความพยายามของประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่จะให้ผู้นำโลกหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาหารือ แต่ถูกประธานาธิบดีบราซิล โจมตี กล่าวหาว่า ฝรั่งเศสมีแนวคิดแต่เรื่องอาณานิคม ซึ่งประธานาธิบดีบราซิล ถูกกล่าวหาว่าสนับสนุนการทำป่าไม้ ทำเหมืองแร่และทำนาในป่าแอมะซอน และเมื่อวานนี้ได้ยืนยันว่าา นโยบายของเขาไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟป่า แม้จะเคยออกมาระบุว่าการอนุรักษ์ป่าแอมะซอนเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ
สำหรับ ป่าแอมะซอนแผ่กว้างครอบคลุมประเทศในอเมริกาใต้ถึง 9 ประเทศ พื้นที่ป่าร้อยละ 60 อยู่ในบราซิล ซึ่งการทำลายป่าแอมะซอนเกิดขึ้นตั้งแต่ทศวรรษหลังปี 2513 และรุนแรงที่สุดในช่วงปลายทศวรรษหลังปี 2533 เข้าสู่ต้นทศวรรษหลังปี 2543 เฉพาะปี 2547 ปีเดียวมีการทำลายป่าในบราซิลมากถึง 28,000 ตารางกิโลเมตร การทำลายป่าเริ่มลดลงหลังจากนั้น แต่ได้กลับมาเพิ่มขึ้นอีกในปี 2557 ปีที่แล้วพื้นที่ป่าหายไป 4,640 ตารางกิโลเมตร ส่วนเดือนกรกฎาคมปีนี้เดือนเดียวหายไปกว่า 1,392 ตารางกิโลเมตร