ป.ป.ส.ยันไม่แจ้งข้อหา “อาจารย์เดชา” หลังเข้าพบ ระบุการเข้าจับกุมเป็นการตีความกฏหมายที่ต่างกัน อ.เดชาขอบคุณ ป.ป.ส.ที่ไม่แจ้งข้อหา จากนี้ขอให้ดำเนินการดปร่งใสทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อให้ประชาคมตรวจสอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. วันที่ 11 เม.ย. นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิขวัญข้าว เดินทางไปที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) พร้อมด้วย นายพรชัย ชูเลิศ เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผอ.มูลนิธิชีววิถี(ไบโอไทย) ทีมทนายความ ตัวแทนมูลนิธิเกษตรยั่งยืน(ประเทศไทย) มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และมูลนิชีววิถีหรือไบโอไทย ร่วมกับผู้ป่วยที่ได้รับยากัญชาจากเครือข่าย เข้าพบ นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส. เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ กรณีครอบครองกัญชาเพื่อการแพทย์ ในระหว่างรอยื่นคำร้องขอนิรโทษกรรมตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2562
นายนิยม กล่าวว่า ป.ป.ส.ได้พูดคุยหารือกับนายเดชา และคณะ ถึงการดำเนินงานของมูลนิธิข้าวขวัญ โดยเข้าใจว่ามีการตีความข้อกฎหมายต่างกัน ยืนยันว่าได้ปฏิบัติทำตามขั้นตอนภายใต้เงื่อนไขขอยื่นเรื่องนิรโทษกรรมผู้ครองกัญชาในกรอบเวลา 90 วัน ส่วนเหตุผลการจับกุมนั้น เนื่องจากในเวลาดังกล่าว หากมีผู้ลักลอบนำกัญชามาแล้วอ้างว่าจะนำไปจดแจ้งเพื่อขอนิรโทษกรรม ซึ่งไม่เป็นความจริงก็จะมีกัญชาเต็มบ้านเมือง ดังนั้น เพื่อไม่ให้มีการแทรกแซงจึงจะปล่อยให้นายเดชาดำเนินการตามขั้นตอนไปก่อน ส่วนประชาชนที่ครอบครองกัญชา ต้องมีแพทย์รับรองและจัดปริมาณตามสัดส่วน โดยขอให้แจ้งเจตนารมณ์ไปยังคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) และสาธารณสุขจังหวัด ตามภูมิภาค ว่ามีไว้เพื่อการใด ในห้วงเวลา 90 วันเพื่อขอนิรโทษกรรม ไม่เช่นนั้นก็จะถือว่าผิดกฎหมาย
“สำรับเรื่องของกลางที่ยึดมาและคดีความนั้น ขอเป็นหน้าที่พนักงานสอบสวนต่อไป ยืนยันว่า ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหากับนายเดชาทั้งสิ้น”นายนิยมกล่าว
ด้าน นายเดชา กล่าวว่า ได้พูดคุยถึงจุดยืนของทั้งสองฝ่าย ทาง ปปส.เข้าใจว่าตนไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ต่อตนเอง แต่ทำให้กับผู้ป่วย ยืนยันว่าเหตุที่เกิดขึ้นมาจากการตีความหมายต่างกัน สำหรับการจับกุมนายพรชัย ในระหว่างที่ตนเดินทางไปต่างประเทศนั้น เข้าว่าเป็นการดำเนินการของเจ้าหน้าตามกฎหมาย โดยจากนี้ขอให้มองไปถึงอนาคตว่าจะสามารถใช้ประโยชน์จากกัญชาได้อย่างไร ท่ามกลางข้อจำกัดของข้อกฎหมายในปัจจุบัน จึงต้องหาทางจดแจ้งและขึ้นทะเบียนหมอพื้นบ้านให้ได้ในช่วงขอนิรโทษกรรม ซึ่ง ป.ป.ส.ควรสนับสนุน หารือกับ สธ.ว่าสามารถช่วยเหลือทางด้านกฎหมายได้อย่างไรบ้าง รัฐบาลจะสามารถนำมาตรา 44 เพื่อเสนอถอดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดเข้าที่ประชุมได้หรือไม่ ต่อจากนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคณะกรรมการว่าเห็นชอบอย่างไร และขอขอบคุณ ปปส.ที่ยังไม่ดำเนินคดีใดกับตน จากนี้ในการกระทำใด ๆ จากนี้จะเปิดเผยกันทั้งสองฝ่าย เพื่อเป็นสัญญาประชาคม ให้ประชาชนตรวจสอบกันทุกฝ่าย ไม่ใช่เพียงเรื่องเฉพาะกลุ่ม ผู้มีส่วนได้เสียในกรณีนี้ต้องรับรู้รับทราบ