“พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” ลั่นเช็ค “เฟคนิวส์” ได้ภายใน 2 ชั่วโมง ยันศูนย์ต้านข่าวปลอม ไม่มีโจมตีฝ่ายตรงข้ามการเมือง
เมื่อวันที่ 7 ก.ย. นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงการตั้งศูนย์ต้านข่าวปลอม (เฟคนิวส์เซ็นเตอร์) ว่า ศูนย์ต้านข่าวปลอมจะเป็นรูปเป็นร่างในอีกประมาณ 1 – 2 เดือน ซึ่งจะเป็นศูนย์ที่ให้ข้อมูลที่ชัดเจนและประชาชนมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น และการรับรู้ข้อมูลที่ไม่เป็นจริงจะเร็วขึ้น เพราะในอดีตมีหลายขั้นตอนในการตรวจสอบ รวมถึงสามารถเช็คกับต้นสังกัดได้ว่า ข่าวที่เผยแพร่ออกมาไม่จริงเพราะอะไร และจะรีบขึ้นข่าวที่เป็นจริงให้ประชาชนได้รับทราบ โดยตั้งเป้าใช้เวลาในการตรวจสอบจากศูนย์ต้านข่าวปลอมไปยังหน่วยงานต่างๆ ประมาณ 2 ชั่วโมง เชื่อว่าข่าวเฟคนิวส์จะน้อยลง เพราะสามารถได้หยุดยั้งได้เร็วขึ้น
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาในทางกฎหมายเจ้าหน้าที่ดำเนินการมาตลอด ในการจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยเฟคนิวส์ โดยมีการติดตาม และบางครั้งมีการสอบสวนแล้วก็ปล่อยตัวไป ส่วนข้อความหรือเนื้อหาทางโซเชียลมีเดียที่ไปกระทบสภาบัน หรือหน่วยงานอื่นๆ ได้ดำเนินการอย่างเคร่งครัด พร้อมยอมรับว่ามีข่าวปลอมที่พบมีจุดประสงค์เรื่องการเมือง แต่สุดท้ายเชื่อว่าอยู่ที่ประชาชน ถ้าเรายืนยันได้เร็วว่าเป็นข่าวปลอม ทุกคนก็จะเข้าใจได้ว่า ข่าวปลอมสามารถเกิดขึ้นได้ ยืนยันว่าศูนย์ต้านข่าวปลอมไม่มีจุดประสงค์ทางการเมือง เพื่อต้องการเบรกฝ่ายตรงข้าม เพราะมีกรอบและหน้าที่ที่ชัดเจนหลายด้าน ทั้งเรื่องภัยพิบัติ สาธารณสุข การโฆษณาขายยาต่างๆ ที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งเรื่องการเมืองส่วนใหญ่จะมีเพียง การนำนโยบายของรัฐบาลไปบิดเบือนจนทำให้เกิดความเสียหาย อีกทั้งศูนย์ต้านข่าวปลอมไม่ได้เป็นการรังแกคนอื่นแน่นอน เพราะมีคณะกรรมการจากหลายฝ่ายโดยเฉพาะจากภาคสังคม
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ตนมีความตั้งใจที่จะทำให้ศูนย์ต้านข่าวปลอมอยู่ตลอดไป ดังนั้น ในอนาคตไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล จะต้องไม่มีใครใช้ศูนย์นี้ไปรังแกใครทางการเมือง ซึ่งตนจะพยายามทำให้คณะกรรมการมีความเข้มแข็งเพื่อในอนาคต ศูนย์นี้จะไม่ต้องขึ้นอยู่กับกระทรวงดีอี โดยเรามีแนวคิดที่จะขอความร่วมมือจากต้นทาง คือ เอกชนที่เป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม โซเชียลมีเดียทั้งเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ ถ้าเราทำได้ดี มีความน่าเชื่อ และเขาเชื่อมั่นในมาตรฐานของเรา เขาก็สามารถที่จะลบและดำเนินการกับข่าวปลอมนั้นได้ โดยได้ตั้งเป้าไว้ว่าหลังจากตั้งศูนย์ต้านข่าวปลอมไปแล้ว 3 – 6 เดือน เราจะพยายามเดินไปสู่มาตรฐานที่เป็นสากลให้ได้ เพื่อที่จะทำงานได้ง่ายขึ้น ประชาชนจะสามารถเข้าถึงข้อมูล รวมถึงข่าวปลอมที่มักไปเอาข่าวเก่าในอดีตมาแชร์ใหม่ ซึ่งศูนย์นี้จะชี้แจงกับให้ประชาชนเข้าใจได้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา พบว่าข่าวปลอมที่ออกมาส่วนใหญ่ทำเพื่อความสนุกสนาน หรือเพื่อเพิ่มยอดไลค์ ไม่ได้มีเจตนาอะไร