ตร.ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุรถทัวร์มรณะพลิกคว่ำ ยืนยันรถไม่ได้เบรคแตก ขณะที่ตรวจสอบประวัติชายคนขับ พบเคยต้องคดีเสพยาบ้ามาแล้ว 5 ครั้ง ขณะที่เจ้าของบริษัทรถทัวร์ นำพวงหรีดเคารพ 18 ศพ
พลตำรวจโทดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 แถลงภายหลังการลงพื้นที่ ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ รถทัวร์สายมรณะ คร่า 18 ชีวิต บริเวณถนนสาย 304 กบินทร์บุรี-ราชสีมา อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ได้ทำการตรวจสอบสภาพของรถยนต์ ปรากฏว่าสภาพเบรกไม่มีร่องรอยการไหลรั่วของน้ำมัน จึงยืนยันว่ารถไม่ได้เบรกแตก แต่อาจจะเกิดจากลมเบรกหมด เพราะทางลงเขามีระยะทางไกลประมาณ 6 กิโลเมตร ซึ่งคนขับรถอาจจะไม่ชำนาญจึงไม่ได้ใช้เกียร์ต่ำ แต่กลับหันไปใช้ลมเบรกจนหมด
อีกทั้งยังได้ระบุว่า โชเฟอร์ได้ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด เนื่องจากช่วงเกิดเหตุ จับจีพีเอสได้ว่ารถวิ่งเร็วประมาณ 83 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะที่บริเวณดังกล่าว กรมทางหลวงได้มีการติดป้ายกำหนดให้รถวิ่งใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เนื่องจากเป็นทางลงเขาและมีเส้นทางคดเคี้ยวมาก จึงเชื่อได้ว่าจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุใหญ่ในครั้งนี้
ส่วนนายกฤษณะ จุฑาชื่น อายุ 44 ปี คนขับรถบัสคันดังกล่าว ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อุดมทรัพย์ จับกุมตัวได้เมื่อช่วงเที่ยงวานนี้ (22 มี.ค. 61) ก็ได้นำตัวไปสอบปากคำเบื้องต้น และสารภาพว่าได้เสพยาบ้า โดยการตรวจปัสสาวะ ก็พบว่าเป็นสีม่วง นอกจากนี้จากการสอบประวัติอาชญากร พบว่าคนขับรถรายนี้ เคยต้องคดีเสพยาบ้ามาทั้งหมด 5 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2545 โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2556 ส่วนการจะเป็นคนขับรถหลักหรือเป็นแค่ผู้ช่วยคนขับรถนั้น ก็ต้องไปสอบสวนเชิงลึกอีกครั้ง
ส่วนการดำเนินคดีกับผู้ประกอบการ บริษัทกันเองทัวร์ จ.กาฬสินธุ์ นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานและหลักฐาน เนื่องจากการตรวจสอบรถบัสคันนี้ เบื้องต้นพบว่าไม่ได้มีการนำรถยนต์มาตรวจสภาพรถนานกว่า 1 ปีแล้ว ซึ่งกฎหมายกำหนดให้ต้องมาตรวจสอบปีละ 2 ครั้ง รวมทั้งการปล่อยให้คนขับรถเสพสารเสพติดขณะขับรถก็จะต้องถูกแจ้งความดำเนินคดีด้วย โดยภายหลังจากนี้ ก็จะได้ประสานให้สำนักงานขนส่งจังหวัดกาฬสินธุ์ ทำการแจ้งให้บริษัทกันเองทัวร์ นำรถบัสมาตรวจสภาพรถใหม่ทุกคัน
ด้านบรรยากาศงานศพภายในวัดป่าพุทธมงคล อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ เต็มไปด้วยความเศร้าสลดและต่างพากันจับกลุ่มวิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น
โดยนายบุญจันทร์ จำปาศรี อายุ 57 ปี สามีของนางนภาวรรณ จำปาศรี ผู้เสียชีวิต และเป็นญาติของ นางประจิม ถิตย์ประไพ ผู้รอดชีวิต เล่าว่า การขับรถของคนขับเฉพาะขากลับตั้งแต่ออกมาได้ขับรถเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาและวิ่งด้วยความเร็ว ซึ่งคนในรถก็ได้ไปเตือนแต่ก็ไม่ได้ผ่อนคันเร่ง จนมาถึงที่เกิดเหตุก็ได้กลิ่นเหม็นไหม้ จากนั้นก็มีคนตะโกนว่ารถเบรคแตกแล้วก็เกิดการชนเข้ากับเกาะกลางถนนและพุ่งชนต้นไม้ ส่วนตัวมองว่าเป็นความประมาทและไม่น่าให้อภัย บริษัทนี้ควรจะยกเลิกกิจการ
ด้านนายกฤษฏา มะลิซ้อน ขนส่งจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ขณะนี้ขนส่งจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ดำเนินการกับผู้ประกอบการสองกรณี คือ 1.ทำการเพิกถอนทะเบียนรถบัส หมายเลย กส 30-0161 รถคันเกิดเหตุแล้ว และทราบว่าบริษัทนี้มีรถอยู่ 3 คัน แต่ได้ขายไปแล้ว 1 คัน คือรถหมายเลขทะเบียน กส 30-0089 ส่วนอีก 1 คัน คือ หมายเลข กส 30-0132 ได้เรียกให้ผู้ประกอบการนำรถมาตรวจในวันพรุ่งนี้
ขณะเดียวกันในวันนี้ นายสายันต์ บุญสนาม เจ้าของบริษัทกันเองทัวร์ ได้เดินทางนำพวงหรีดไปเคารพศพทั้ง 18 ศพ ตามจุดต่างๆ พร้อมกับแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยปฏิเสธว่าไม่รู้ว่า นายกฤษณะ คนขับรถเสพยาบ้า
นอกจากนี้ ยังเผยว่าตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อวานได้เดินทางไปดูซากรถ ซึ่งตนรู้สึกเจ็บปวดจิตใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่ต้องการให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ขณะนี้ได้เตรียมเอกสารหลักฐานซึ่งได้ทำประกันภัยไว้กับบริษัทเอคเนย์ ยื่นให้จ่ายความสินไหมทดแทนและพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับทางราชการและช่วยเหลือผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอย่างเต็มที่