เมื่อเวลา 03.00 น.วันที่ 11 กุมภาพันธุ์ ร.ท.เดชสิทธิ์ ดำดง รอง ผบ.ร้อยทหารพรานที่ 1306 (หนองคอก) กรมทหารพรานที่ 13 ได้รับรายงานจากสายข่าว ว่า ที่บ้านเลขที่ 373 ม.7 (บ้านร่มโพธิ์ทอง)
ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ มีกลุ่มคนกำลังชำแหละซากสัตว์ป่า จึงประสาน นายอาคม ชาติกปริญญ์ หน.หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ฉช.3 (หนองคอก) ร.ต.ท.สุเมธ ทวนสระน้อย รอง สวป.สภ.ท่าตะเกียบ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รีบไปตรวจสอบ พบชาย 3 คนคือ นายทองสา หรือหยอง สง่าศรี อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 170/3 ม.7 ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ, นายทรงวุฒิ ศักดิ์พงษ์ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 312/1 ม.7 ต.คลองตะเกรา และนายสัญญา จรบุรัมย์ อายุ28ปี เจ้าของบ้าน กำลังนั่งล้อมวงชำแหละ และเปิบเนื้อสดซากสัตว์ป่า
เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่า เป็นซากพญากระรอกดำขนาดใหญ่น้ำหนักราว 3 กก. เศษ รวมทั้งซากกระรอก 3 สี อีก 1 ซาก จากการตรวจค้นภายในบ้าน ยังพบ อาวุธปืน ปืนลูกกรดยาว 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 59 นัด ไม้พะยูงแปรรูป 4 แผ่น และทำการตรวจปัสสาวะพบทั้ง 3 คน มีสารเสพติดในร่างกายอีกด้วย
จากการสอบสวนเบื้องต้น นายสัญญา จรบุรัมย์ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า พร้อมพวกทั้ง 3 คน ไปลักลอบเข้าไปล่าสัตว์ป่าบริเวณป่าชุมชนบ้านร่มโพธิทอง หรือป่าเขาหอยจริง เข้าไปเมื่อช่วงสายของวันที่ 10 กุมภาพันธุ์ เมื่อเดินไปถึงบริเวณป่าทับกระบก ม. 7 ต.คลองตะเกรา ก็พบพญากระรอกดำขนาดใหญ่กำลังปีนป่ายไปมาอยู่บนต้นไทรสูงใหญ่ นายทองสา หรือหยอง สง่าศรี ได้ใช้อาวุธปืนลูกกรดยาว ยิงถูกพญากระรอกดำล่วงลงมา ก่อนที่จะเข้าไปเก็บซากสัตว์และเดินวนไปมาในป่า และล่าสัตว์เป็นกระรอก 3 สี ได้อีก 1ตัว จากนั้นพากันเดินออกจากป่าเมื่อช่วงกลางดึก และมานั่งชำแหละ ล้อมวงดื่ม โดยเปิบซากพญากระรอกแบบสดๆ เพราะเชื่อว่า เป็นยาบำรุงร่างกายและสมรรถนะทางเพศ เป็นอย่างดี
ด้าน ร.ท.เดชสิทธิ์ ดำดง รอง ผบ.ร้อย ทพ. 1306 เปิดเผยว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้ เคยถูกดำเนินคดีในข้อหาลักลอบล่าสัตว์ป่าและตัดไม้พะยูงมาหลายครั้งและ เพิ่งพ้นโทษมาได้ไม่นาน จึงส่งสายเฝ้าติดตามพฤติกรรมอยู่ตลอดเวลา กระทั่งช่วงกลางดึกของวันที่ 11 กุมภาพันธุ์ มีสายข่าวซึ่งเป็นชาวบ้านแจ้งว่า กลุ่มผู้ต้องหา 3 คน กำลังชำแหละซากสัตว์ป่ากันอยู่ จึงนำกำลังเข้าจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว
นายอาคม ชาติกปริญญ์ หน.หน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ ฉช.3 (หนองคอก) เปิดเผว่า พญากระรอกดำ เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535 เป็นกระรอกที่มีสายพันธุ์ที่ต่างจากกระรอกทั่วไป มีขนาดตัวที่ใหญ่กว่ากระรอกสายพันธุ์อื่น หรืออาจบอกได้เลยว่าเป็นกระรอกที่สายพันธ์ขนาดตัวใหญ่กว่ากระรอกทั่วไป และใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยลักษณะทั่วไปโดยรวมก็ตามที่บอกคือมีขนาดตัวใหญ่ โดยขนาดตัวที่ใหญ่ พวกมันจึงมีน้ำหนักตัวราว 1-1.6 กิโลกรัม หรือบางตัวพบขนาดใหญ่กว่า และมีหัวที่ยาว 33-37.5 เซนติเมตร บวกกับหางยาว 42.5-46 เซนติเมตร เป็นสัตว์ที่มีเท้าหน้ามี 4 นิ้ว เท้าหลังมี 5 นิ้ว บวกกับว่ามีเล็บยาวโค้งจึงเป็นตัวช่วยในการยึดเกาะต้นไม้และทำให้พวกมันสะดวกในการเคลื่อนไหว มีความสวย มีความว่องไว และการกระโดดที่สามารถกระโดดข้ามต้นไม้ได้ทีละไกลๆ ด้วย