จากกรณีครูจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร เคยต้องคดีขับรถชนคนตาย คือ นายเหลือ พ่อบำรุง อายุ 74 ปี เมื่อปี 2554 ในพื้นที่ สภ.นาโดน อ.เรณูนคร จ.นครพนม ถูกดำเนินคดีข้อหาประมาทขับรถชนคนตาย ศาลตัดสินจำคุกเมื่อปี 2556 เป็นเวลา 3 ปี 2 เดือน ได้รับการอภัยโทษออกมา จำคุกแค่ 1 ปี 6 เดือน แต่ภายหลังพ้นโทษ เมื่อปี 2558 จึงออกมาเรียกร้องให้กระทรวงยุติธรรมมีการรื้อฟื้นคดี
ขึ้นพิจารณาใหม่ โดยอ้างว่าตกเป็นแพะในคดีขับรถชนคนตาย ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 4 ได้มีคำสั่งให้รื้อฟื้นพิจารณาคดี แต่เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2560 ศาลจังหวัดนครพนม ได้อ่านคำพิพากษาตัดสินยืนตามศาลชั้นต้น ว่ามีความผิดจริง และยกคำร้องการขอรื้อฟื้นคดี เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐานใหม่มาหักล้างได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ 6 มีนาคม 2562 ศาลจังหวัดนครพนม นัดฟังคำพิพากษา เวลาประมาณ 09.00 น. ถือเป็นการชี้ชะตาอีกรอบว่า ครูจอมทรัพย์ พร้อมพวก อีก 7 คน ประกอบด้วย 1. นายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง เพื่อนสนิท ที่เป็นหัวหน้าทีมจ้างพยานเท็จ 2. คือ นางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ 3. นางทองเรศ วงศ์ศรีชา พยานปากสำคัญที่เคยออกมายืนยันว่า ครูจอมทรัพย์ ไม่ได้ขับรถชนคนตาย 4. คือ นายเสน่ห์ สุพรรณ 5. คือ นางรจนา จันทรัตน์ เพื่อนครูจอมทรัพย์ 6. คือ นาง วาสนา เพ็ชรทอง ซึ่งเป็นหลานสาว และ คนที่ 7 คือ นายนิรันดร์ แสนเมืองโคตร อดีตสามีครูจอมทรัพย์ ว่าการตัดสินขิงศาลวันนี้ จะรอดคุก หรือไม่
สำหรับคดีครูจอมทรัพย์ หลังถูกตำรวจรวบรวมพยานหลักฐาน จับกุมดำเนินคดีฐานความผิด 4 ข้อหาหนัก คือ แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ร่วมกันแจ้งเจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ ร่วมเบิกความเท็จ และซ่องโจร เนื่องจากมีการ นำพยานหลักฐานเท็จ มาเบิกความต่อศาล ในการพิจารณาคดีใหม่ ทางตำรวจได้สอบสวน รวบรวบพยานหลักฐาน ส่งอัยการฟ้องต่อศาล ตั้งแต่เดือน ธันวาคม 2560 ใช้เวลาสืบพยาน หลักฐาน พิจารณาคดี นานนับ 2 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับ นายสับ วาปี พร้อมภรรยา คือ นางจันทร์วาปี จำเลย 2 ใน จำนวน 10 คน ซึ่งเป็นจำเลย คนสำคัญ ที่เคยอ้างว่า ขับรถชนคนตาย แทนครูจอมทรัพย์ เนื่องจากตำรวจ พบหลักฐานสำคัญ ในการลงบันทึกประจำวันว่า ก่อนนี้ มีการลงบันทึกประจำวัน ถึง 2 ครั้ง นายสับ วาปี กับ นายเสริฐ รูปสะอาด เป็นคนขับ ทำให้ตำรวจมีพยานหลักฐานชัดเจน ว่าเป็นการ สร้างพยานหลักฐานเท็จ และมีการจ้าง ขบวนการรับผิดแทน
โดยนายเสริฐ รูปสะอาด ได้ให้การเป็นประโยชน์ ว่า ขับรถไม่เป็น แต่ถูกว่าจ้างให้มารับผิดแทน ซึ่งนายสับ วาปี มารับสารภาพเป็นคนขับแทน และถูกดำเนินคดี ร่วมกัน สร้างพยานหลักฐานเท็จ โดยเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2561 ศาลจังหวัดนครพนม ได้มีคำพิพากษาตัดสิน นายสับ วาปี จำคุก 2 ปี 10 เดือน ส่วนนางจันทร์ วาปี จำคุก 1 ปี 9 เดือน ไม่รอลงอาญาทั้ง 2 ราย หลังมีคำพิพากษาได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งต่อศาล และยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัว เพื่อรอการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ต่อไป