“สนธิรัตน์” คาดใช้เวลาไม่นานรวมเสียงตั้งรัฐบาล มั่นใจ “พปชร.” จัดตั้งรัฐบาลได้ ยันจะเสนอ “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯเท่านั้น ย้ำไม่เอาตำแหน่งนายกฯไปแลกเพื่อให้ได้เป็นรัฐบาล
เมื่อวันที่ 26 มี.ค. นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล ว่า ขณะนี้ทุกอย่างกำลังเดินหน้าไป และมั่นใจว่าจะรวมคะแนนเสียงได้ในเวลาไม่นาน ขอให้มีการพูดคุยกันก่อน ส่วนกระแสข่าวที่บอกว่ามีการพูดคุยจัดตั้งรัฐบาลที่มูลนิธิป่ารอยต่อนั้น มีคำยืนยันจากนายกรณ์ จาติกวณิชย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้ออกมาปฎิเสธแล้ว และตนก็ไม่ทราบว่ามีคนของพรรคไปร่วมพูดคุยด้วยหรือไม่
“แต่เมื่อมีการออกมาปฏิเสธแบบนี้ แสดงว่าไม่ใช่เรื่องจริง เพราะพูดคุยกันข้างนอกน่าจะสะดวกกว่า ที่สำคัญไม่จำเป็นจะต้องมีผู้ใหญ่ในรัฐบาลมาร่วมพูดคุยในการรวมเสียงครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม มติของพรรค มอบหมายให้หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคเป็นผู้เดินหน้าพูดคุยและกำลังทำหน้าที่นี้อยู่ ยอมรับว่าตอนนี้ได้มีการประสานพูดคุยกับพรรคการเมืองแล้ว แต่ขอสงวนชื่อไว้ก่อน”นายสนธิรัตน์กล่าว
นายสนธิรัตน์ กล่าวถึงกรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การหาเสียงพรรคเพื่อไทย ออกมาโต้แย้งว่าพรรคที่ได้ ส.ส.มากกว่า ควรได้เป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล ว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้แก้ปัญหาพวกมากลากไป ต้องเคารพเสียงทุกเสียงของประชาชน ไม่ว่าเสียงที่ลงไปจะได้รับการสนับสนุนหรือไม่ แล้วเมื่อนำเสียงที่ได้รับการสนับสนุนของทั้งประเทศมารวมกันในสัดส่วนของ ส.ส. พึงมี นี่คือหลักการที่ชอบธรรม
ที่สำคัญพรรคพลังประชารัฐมีความแตกต่างจากพรรคอื่น เพราะได้ ส.ส.ทั่วทุกภาคของประเทศรวมถึงกรุงเทพ ขณะที่บางพรรคไม่มี ดังนั้นเสียงที่ได้รับความไว้วางใจสะท้อนความต้องการของประชาชน ส่วนที่นั่งส.ส. เป็นเรื่องของพรรคที่มีภาคนิยม จะมี ส.ส.ในภาคนั้นมากและเป็นปัญหาที่เคยเกิดขึ้นมาในอดีต ทำให้ ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่มีเลยพรรคจึงเคารพเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญยืนยันว่าเสียงประชาชนสนับสนุนพรรคเรา
ส่วนความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล นายสนธิรัตน์ ยืนยันว่า ประเด็นหลักคือพรรคที่เป็นรัฐบาลหรือร่วมรัฐบาลจะต้องมีเสียงสนับสนุนมากเพียงพอ ใครรวมเสียงได้มากก็สามารถตั้งรัฐบาลได้นั่นคือความชอบธรรมที่แท้จริง ทั้งนี้ไม่ขอเปิดเผยว่าได้พูดคุยกับพรรคภูมิใจไทยแล้วหรือยัง เพราะคุยกับหลายพรรค
สำหรับข้อเสนอของพรรคเพื่อไทย ที่เสนอให้นายอนุทิน ชาญวีรกุล เป็นนายกรัฐมนตรี หากยอมเข้ารวมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยนั้น นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ถือเป็นสิทธิ์ของพรรคที่จะเสนอ เพียงแต่พรรคพลังประชารัฐไม่ใช้วิธีการแบบนี้ เพราะพรรรเคารพสิ่งที่ได้หาเสียงกับประชาชนไว้ ว่าจะเสนอพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี และเมื่อหลังการเลือกตั้งก็ยังคงยืนยันเจตนารมณ์เดิม
“หากใครจะร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ก็ต้องเสนอพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี เราจะไม่เอาตำแหน่งนายกไปมอบให้กับใคร เราเคารพสิทธิ์ของพี่น้องประชาชนที่เลือกพรรคพลังประชารัฐและเลือกพล.อ.ประยุทธ์ ในขณะที่รณรงค์หาเสียง เราจะไม่เป็นพรรคที่เมื่อได้เป็นผู้นำแล้ว จะเอาตำแหน่งนายกไปแลก เพื่อต้องการเป็นรัฐบาล จุดยืนของพรรคเป็นประชาธิปไตยชัดเจนและเคารพในการหาเสียงกับพี่น้องประชาชน และยอมรับว่าพรรคเราพูดคุย มีทิศทางที่เป็นบวก แต่เร็วเกินไปที่จะตอบเรื่องของการแบ่งโควตารัฐมนตรีเพราะยังมีเวลา”นายสนธิรัตน์กล่าว
นายสนธิรัตน์ กล่าวต่อว่า เมื่อถามว่ารวบรวมได้ถึง 280 เสียงหรือยัง ขอตอบว่าเรามั่นใจ ไม่ต้องรีบเพราะยังมีเวลา ต้องรอดูอีกหลายอย่างแต่ภาพรวมเป็นไปในทิศทางบวก พร้อมยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐ มั่นใจจะดำเนินการได้ตามที่พรรคประสานไว้ และยังมีเวลาอีกเป็นเดือนในการจัดตั้งรัฐบาลซึ่งได้ถึงเดือนพฤษภาคม ตกลงกันได้เมื่อไหร่ก็จะแถลงข่าวทันที
นายสนธิรัตน์ ยังกล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่ต่างๆว่ายอมรับมีเสียงร้องเรียน ในบางพื้นที่ และเป็นเรื่องใหญ่ต้องรอให้กกต. สรุปว่าผลการเลือกตั้งในบางเขตที่มีปัญหาจะเป็นอย่างไร ซึ่งจะมีผลต่อคะแนนโดยตรงของเขตและจะมีผลต่อการคิดคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อด้วย
อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ (27 มี.ค.) พรรคพลังประชารัฐเตรียมปล่อยคาราวานขอบคุณคะแนนเสียงจากพี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพฯ จะนำผู้สมัครของกรุงเทพและผู้บริหารพรรคขึ้นรถแห่ขอบคุณพี่น้องประชาชน ในเวลา 9 นาฬิกา ส่วนพลเอกประยุทธ์ จะลงพื้นที่เพื่อไปขอบคุณประชาชนหรือไม่ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่าเราไม่มีแผนนั้น เพราะท่านได้ฝากขอบคุณมาแล้ว และตัวท่านเองก็ขอบคุณพี่น้องประชาชนแล้ว
เมื่อถามว่า พลเอกประยุทธ์ ทราบเรื่องของการที่พรรคพลังประชารัฐรวบรวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า รู้ ว่าเรากำลังประสาน มีความคืบหน้าเป็นอย่างไรจะเรียนให้ทราบทันทีซึ่งท่านให้อิสระในการทำงาน
เมื่อถามว่าแมวดำเดินตัดหน้านายกรัฐมนตรีมีนัยยะสำคัญอย่างไร นายสนธิรัตน์กล่าวว่า แมวดำไม่ได้ตัดหน้า อยู่ห่างจากนายกรัฐมนตรีและมองว่าเป็นแมวที่กำลังวิ่งไล่จับหนูถือว่าเป็นมงคลเพราะ “แมวกำลังจะจับหนูได้” แล้วมาถามว่าแมวสีดำมีนัยยะอะไรหรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวทันทีว่า แมวไม่ว่าจะสีอะไรขอให้จับหนูได้ก็พอ
เมื่อถามต่อว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล หรือ เสี่ยหนู ขึ้น Facebook เป็นรูปพริก นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า กำลังจะสื่อสารว่ามีความแซ่บ มีรสชาติ ไม่น่าจะหมายถึงการพลิกเกม ส่วนกรณีที่มีความเป็นห่วงเรื่องงูเห่าจะเข้ามาร่วมจับหนู งูกับแมวใครจะได้กินหนูก่อนกันเราอย่าไปตีความกันเอง มันจะปวดหัว