สาวไลฟ์สดแฉแฟนหนุ่มทำร้ายร่างกาย เข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดี ลั่นเอาผิดจนถึงที่สุด ขณะที่ฝ่ายชายเผยถูกด่าบุพการี จนทำให้ระงับสติอารมณ์ไม่ได้
นางสาว เอ (นามสมุติ) อายุ 27 ปี พร้อมญาติได้เดินทางมาที่สถานีตำรวจภูธรช้างเผือก เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับแฟนหนุ่ม ในข้อหาทำร้ายร่างกาย โดยนางสาวเอ ระบุว่า จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เนื่องจากถูกทำร้ายร่างกายมาแล้วหลายครั้งขณะเดียวกัน ชุดสืบสวน สถานีตำรวจภูธรช้างเผือก จ.เชียงใหม่ ได้นำตัวนาย บอย (นามสมมติ) อายุ 33 ปี แฟนหนุ่ม มาสอบปากคำที่โรงพัก หลังจากลงมือทำร้ายร่างกายแฟนสาวจนได้รับบาดเจ็บ
โดยนายบอย เล่าว่า คบหาและอยู่กินกับนางสาวเอมานาน 3 ปี โดยเช่าห้องพักอยู่ด้วยกัน โดยพ่อแม่เป็นคนออกค่าเช่าห้องให้ แต่ครอบครัวก็ไม่ยอมรับนางสาวเอ ซึ่งนางสาวเอนั้นป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ที่ผ่านมาเคยทะเลาะกันหลายครั้ง และนางสาวเอก็เคยกระโดดตึกจะฆ่าตัวตายโชคดีที่ตนช่วยไว้ทัน จึงตกลงไปที่กันสาดชั้น 2 จนได้รับบาดเจ็บต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล
ส่วนสาเหตุที่ลงมือทำร้ายร่างกายแฟนสาวครั้งล่าสุดเพราะพูดจากกร้าวร้าว ลามปามถึงบุพการี ตนจึงโมโหระงับสติอารมณ์ไม่ไหว ลงมือทำร้ายแฟนสาว ซึ่งก็รู้สึกเสียใจ โดยหลังก่อเหตุก็ได้ออกจากห้องพักไป ไม่ทราบว่าแฟนสาวจะไลฟ์สดจนเรื่องราวบานปลาย ทั้งนี้หากแฟนสาวขอโทษที่ด่าว่าบุพการี ตนก็พร้อมจะขอโทษแฟนสาวที่ลงมือทำร้ายร่างกาย ส่วนเรื่องคดีความก็พร้อมยอมรับ แต่จากนี้ไปตั้งใจว่าจะเลิกกับนางสาวเอตามที่แม่ร้องขอ เพราะไม่อยากมีปัญหาอีก
นอกจากนี้ นายบอย ยังปฎิเสธว่า ขณะลงมือทำร้ายแฟนสาวไม่ได้เสพยา แต่ยอมรับว่าในอดีตเคยเสพยามาก่อนแต่ปัจจุบันเลิกแล้ว และก็ช่วยครอบครัวทำงานเป็นช่างรับเหมาติดตั้งระบบไฟฟ้า
ด้านมารดาของนายบอย กล่าวว่า ไม่เคยยอมรับแฟนสาวของลูกชาย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเวลาทะเลาะกันนางสาวเอก็มักด่าว่าตนเองเป็นประจำ ล่าสุดครั้งนี้ได้ยื่นคำขาดให้ลูกชายเลิกกับนางสาวเอ หากไม่เลิกก็จะตัดแม่ตัดลูกอย่างแน่นอน
ขณะที่ พันตำรวจเอก อมรชัย ปัญญา ผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรช้างเผือก เผยว่า เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา “ทำร้ายร่างกาย” กับนายบอย รวมทั้งจะรอผลตรวจร่างกายจากแพทย์เพื่อประกอบสำนวนอีกครั้ง โดยฝ่ายหญิงยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ขณะที่นายบอยเจ้าหน้าที่จะตรวจร่างกายเพื่อหาสารเสพติดเพิ่มเติมด้วย ส่วนคดีนี้หากผลตรวจผู้เสียหาย มีอาการสาหัสจะส่งดำเนินคดีที่ศาลจังหวัด แต่หากบาดเจ็บเล็กน้อยจะดำเนินคดีที่ศาลแขวง ซึ่งบทลงโทษคือจำคุกไม่เกิน 3ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ