วันที่ 3 พฤษภาคม สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ จัดกิจกรรมรณรงค์ “วันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก” (World press freedom day) ซึ่งองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก กำหนดให้ตรงกับวันที่ 3 พฤษภาคมของทุกปี และองค์กรสื่อทั่วโลกจะมีกิจกรรมรณรงค์เพื่อให้ทุกฝ่ายในสังคมได้ตระหนักถึงความสำคัญในการมีเสรีภาพของสื่อมวลชน ซึ่งหมายถึงการมีเสรีภาพของประชาชน
โดยงานนี้สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดงานภายใต้สโลแกน “ปลดล็อกคำสั่ง คสช.คืนเสรีภาพประชาชน” เพื่อสะท้อนสถานการณ์ของประเทศในด้านเสรีภาพ การแสดงความคิดเห็นของประชาชน ท่ามกลางบรรยากาศที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ห้วงเวลาของการเลือกตั้งที่มีการบังคับใช้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ที่ได้รับรองสิทธิเสรีภาพของประชาชนและสื่อมวลชน แต่ก็ยังคงมีการบังคับใช้ประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่จำกัดเสรีภาพอยู่หลายฉบับ ขณะเดียวกัน ก็ยังคงมีการบังคับใช้ประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่จำกัดเสรีภาพอยู่หลายฉบับ โดยเฉพาะประกาศ คสช. ฉบับที่ 97/2557, ประกาศ คสช. ฉบับที่ 103/2557 และคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 (ข้อ5)
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ สนับสนุนหลักการดังกล่าว และต้องการเห็นสื่อทุกประเภทตระหนักถึงคุณค่าเสรีภาพที่ยึดมั่นในหลักจริยธรรมแห่งวิชาชีพ ไม่เช่นนั้นอาจเป็นข้ออ้างของผู้มีอำนาจในการจัดการกับคนเห็นต่างได้โดยเฉพาะในปัจจุบัน สถานการณ์ด้านเสรีภาพของสื่อมวลชนไทยอยู่ในภาวะไม่ปกติ ยังอยู่ภายใต้ประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หลายฉบับ เปิดทางให้อำนาจรัฐเข้ามาแทรกแซง ควบคุมการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนเป็นระยะๆ เข้าข่ายปิดกั้น ลิดรอนสิทธิการรับรู้ข่าวสาร และเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน และสื่อมวลชน ขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ที่มีเนื้อหาให้ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนมีเสรีภาพในการเสนอข่าวสาร การแสดงความเห็นตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพ
แถลงการณ์ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์
1. ให้รัฐบาลโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องระมัดระวังการออกกฎหมายที่จำกัดเสรีภาพของประชาชนและสื่อมวลชน พร้อมกับ “โละ เลิก ล้าง” ประกาศหรือคำสั่งของ คสช. ที่ลิดรอนเสรีภาพสื่อ ซึ่งก็คือเสรีภาพของประชาชนนั่นเอง เพื่อให้การดำเนินงานของสื่อสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และกำลังเข้าสู่บรรยากาศการเลือกตั้งตามโรดแมป
2. ให้ คสช. และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ต้องปฏิรูปสื่อวิทยุและโทรทัศน์ โดยปราศจากการครอบงำ 3. เรียกร้องให้ประชาชนและผู้ใช้สื่อในทุกแพลตฟอร์ม ระมัดระวังในการเผยแพร่ หรือส่งต่อข้อมูลที่ผิดกฎหมาย ข่าวปลอม (Fake News) ที่ไหลทะลักบนสื่อออนไลน์ และขอให้ประชาชนช่วยกันตรวจสอบ ควบคุมการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนให้อยู่ในกรอบจริยธรรมแห่งวิชาชีพ
4. เรียกร้องให้สื่อมวลชนทุกแขนง ทุกแพลตฟอร์ม พึงตระหนักการทำหน้าที่ภายใต้กรอบจริยธรรมแห่งวิชาชีพ ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ โดยเฉพาะการปฏิรูปสื่อมวลชน และขอยืนหยัดพร้อมที่จะรับการถูกตรวจสอบจากสังคม ด้วยวิถีทางอันถูกต้อง ชอบธรรมด้วยกฎหมายตามระบอบประชาธิปไตย