หลังจากมีการค้นพบหนอนตัวแบนนิวกินีในประเทศไทยเมื่อช่วงปลายเดือน ตุลาคม ที่ผ่านมา นักวิชาการก็มีการทดลองการดำรงชีวิตของมัน และหาแหล่งต้นกำเนิด เพื่อเร่งกำจัดทิ้งให้หมดไปจากประเทศ หลังสหภาพสากลว่าด้วยการอนุรักษ์ยกให้ประเทศไทยเป็นชาติแรกในเอเชียที่ค้นพบหนอนสายพันธุ์นี้ ไปดูกันว่า หนอนชนิดนี้ตจะมีอันตรายต่อคนและระบบนิเวศ มากน้อยเพียงใด
นี่คือหนอนตัวแบนนิวกีนี ที่มีความยาว 5-6 เซนติเมตร ลำตัวสีดำเงาคล้ายลิ่มและเต็มไปด้วยเชื้อโรคนานาชนิด ความน่ากลัวของหนอนตัวแบนนี้คือการวิวัฒนาการตัวเองได้แม้จะถูกตัดลำตัวเป็นชิ้นๆ หนอนตัวแบนมีพิษร้ายกับหอยทากและสัตว์ใต้ดิน ทั้งยังเป็นพาหะนำเชื้อพยาธิปอดหนู พยาธิหอยโข่ง ซึ่งเชื้อชนิดนี้สามารถติดต่อสู่คนได้ซึ่งหากได้รับเชื้อเข้าไปร่างกายของคน จะมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรง เป็นไข้ อาเจียนตาพร่ามัว ปวดกล้ามเนื้อเป็นต้น และหากมีการติดเชื้ออย่างรุนแรง อาจนำไปสู่อาการเรื้อรังของโรคจนทำให้เสียชีวิตได้
ดร.นณณ์ ผาณิตวงศ์ ผู้ก่อตั้งกลุ่มอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ บอกว่า หากพบหนอนตัวแบนนิวกีนีไม่ควรสัมผัสหนอนด้วยมือเปล่า เพราะอาจได้รับเชื้อโรคติดต่อเข้าสู่ร่างกายคนเราได้ โดยแหล่งอาศัยหนอนตัวแบนจะอยู่บริเวณเขตชื้นและตามท้องนาที่มีหอยอาศัยและเวลากลางคืนจะเป็นช่วงออกหากินของหนอนตัวแบน ซึ่งข้อสังเกตุหนอนตัวแบนจะมีลักษณะเฉพาะตัวไม่เหมือนกับหนอนชนิดอื่นๆ
ดร.นณณ์ บอกอีกว่า หนอนตัวแบนนิวกีนีเป็นสัตว์มีถิ่นฐานจากเกาะนิวกินีและออสเตรเลีย โดยความร้ายกาจเคยกินหอยทากท้องถิ่นของออสเตรเลียจนสูญพันธุ์ จนสหภาพสากลว่าด้วยการอนุรักษ์ หรือ IUCN ยกให้เป็นหนึ่งในร้อยสัตว์รุกรานต่างถิ่นที่น่ากลัวที่สุดของโลก ขณะที่ในไทยขณะนี้พบหนอนตัวแบน แพร่พันธุ์ไปแล้ว 14 จังหวัดทั่วประเทศ