ผบ.ตร. เผยคนร้ายจี้รถขนเงิน 7.2 ล้านบาท พูดสำเนียงใต้ ชี้ยังปิดคดีไม่ได้เพราะหลักฐานอ่อน กล้องวงจรปิดพัง รถจยย.ไม่ชัดเจน
ควาวคืบหน้ากรณี 2 คนร้าย 2 ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าพีซีเอ็กซ์ สีดำป้ายทะเบียน 5 กว 8564 หรือ 5 กว 8764 ในการเข้าปล้นเงินจากรถขนเงินของบริษัท บริงสค์ระหว่างที่พนักงานกำลังเบิกเงินจากธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า สาขาพุทธมณฑลสาย 3 โดยคนซ้อนใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าข่มขู่ ก่อนชิงเงินสดไปได้จำนวน 7.2 ล้านบาท โดยเหตุเกิดเมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา
ล่าสุด 26 ก.พ. 2562 ที่สน.หนองค้างพลู พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) พร้อมด้วยพล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.), พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน บช.น. และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินทางเข้าประชุมติดตามความคืบหน้ากรณีดังกล่าว โดยใช้เวลาประชุมนาน 1 ชั่วโมง
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ตามที่ทราบกันว่าขณะนี้ผู้ก่อเหตุมีกัน 2 คน มีการปกปิดรูปพรรณใบหน้าด้วยหมวกกันน็อกมิดชิด ซึ่งจากการสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุทราบว่า คนร้ายมีสำเนียงการพูดไปทางใต้ จึงเชื่อว่าคนร้ายเป็นคนต่างถิ่น อีกทั้งพฤติการณ์การหลบหนีค่อนข้างจะสะเปะสะปะ จากประสบการณ์คาดว่าคนร้ายจะต้องหาที่พักกบดานไว้ก่อน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังมีพยานหลักฐานในพื้นที่เกิดเหตุไม่มากพอ เนื่องจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่ไม่สามารถใช้การได้ ยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับคนร้าย แต่ยังไม่ตัดประเด็นว่าเป็นผู้ก่อเหตุในลักษณะเดียวกันที่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เมื่อปี 2560 หรือในพื้นที่หัวหมาก ยอมรับว่าคดีนี้มีความยาก แต่คาดว่าต่อจากนี้คงใช้เวลาอีกไม่เกิน 7 วันจะมีความคืบหน้า
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ภาพในที่เกิดเหตุเป็นในเวลากลางคืนทำให้สีรถจักรยานยนต์ของคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุอาจจะผิดเพี้ยนได้ ซึ่งจะตรวจสอบถึงแหล่งที่มาของรถควบคู่กันไป
ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า ตามระเบียบแล้ว ทางบริษัทสามารถขอกำลังตำรวจไปสนับสนุนความปลอดภัยในระหว่างขนเงินได้ ซึ่งได้มีการประชุมเรื่องมาตรการกับบริษัทแล้ว แต่อาจเกิดจากความเคยชินที่ทำให้ขนเงินใส่ถุงออกมาเท่านั้น ไม่ได้บรรจุหีบนิรภัยเพิ่มเติม