จากกรณีอดีตรองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้สละที่นั่งให้กับนักบินการบินไทยบนเที่ยวบิน TG971ซึ่งเป็นเที่ยวบินขากลับจากซูริค-กรุงเทพฯ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ เพราะไม่ยอมนำเครื่องขึ้น จนกว่าจะได้ที่นั่ง ปล่อยผู้โดยสารกว่า 300 คนนั่งรอเครื่องดีเลย์กว่า 2 ชั่วโมง
และวันนี้ทางสหภาพ โดยนายดำรงค์ ไวยคณี ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย ก็ได้แถลงข่าวชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวโดยให้นักบินทั้ง 4 คนมาสอบข้อเท็จจริงก่อนว่า เหตุผลทั้งหมดเกิดจากปัญหาของอะไร และใครเป็นผู้เสียหาย ซึ่งพยายามจะทำให้เสร็จภายในอาทิตย์นี้ ซึ่งดังกล่าวเป็นผลเสียต่อการบินไทย และเป็นปัญหาภายในองค์กร
โดยวันนี้ทีมข่าว ไบรท์ ได้สอบถามไปยังนายศักดา พันธ์กล้า อดีตรองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ถึงการเยียวยาจากการบินไทย โดยกล่าวว่า มีผู้บริหารระดับสูงของการบินไทยเดินทางมาหาที่บ้าน พร้อมหนังสือขอโทษอย่างเป็นทางการจาก ดีดี การบินไทย ซึ่ง ตน ก็ก็ยินดีรับคำขอโทษ พร้อมกับทำหนังสือฝากไปยัง ดีดี การบินไทยด้วย โดยระบุว่า
ผม ขอขอบคุณที่ได้ส่งผู้แทนฯ มาขอโทษผมและภรรยาถึงที่บ้าน ผมขอน้อมรับในไมตรีจิตครั้งนี้ และไม่ได้ติดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้ว แต่จะขอชี้แจงให้ทราบว่า ผมไม่ได้เสียใจเลยจากการย้ายที่นั่งจากชั้นหนึ่ง กลับไปที่ชั้นธุรกิจ เพราะถ้าผมไม่ยอมย้ายคงไม่ได้บินกลับในวันนั้น เพียงแต่รู้สึกข้องใจว่าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ทำให้ผู้โดยสารกว่า 300 คน เสียเวลาไป 2 ชั่วโมงครึ่ง จึงได้ทำจดหมายร้องเรียนไปที่ช่องทางกำหนด เพื่อต้องการคำชี้แจงจากท่านเท่านั้น
แต่ทั้งนี้จดหมายดังกล่าวได้หลุดไปเป็นข่าวข้างนอกได้อย่างไรไม่เกี่ยวข้องกับผม และผมไม่ได้มุ่งหวังโจมตีองค์กรของท่าน ผมเพียงต้องการให้ข้อเสนอแนะเพื่อท่านจะได้นำเหตุการณ์นี้มาทบทวนปรับปรุงการปฏฺบัติงานของผู้เกี่ยวข้องเพื่อบริการแก่ผู้โดยสารให้ดีขึ้น และจากจดหมายร้องเรียนดังกล่าวได้มีความเข้าใจวัตถุประสงค์ของการร้องเรียนที่คลาดเคลื่อนไป ผมจึงขออธิบาย 2 ประเด็นดังนี้
ประเด็นที่ 1 คือผมซื้อบัตรโดยสารชั้นธุรกิจด้วยเงินสดในขากลับจากซูริค-กรุงเทพฯ เที่ยวเดียวที่การบินไทยกรุงเทพฯ ซึ่งแพงมากและเส้นทางนี้ไม่มีชั้นหนึ่ง(First Class) ในขณะที่ไปซื้อบัตรโดยสารและไม่ได้ขอใช้สิทธิ์พิเศษใดๆ ในการอัพเกรด และไม่ทราบเรื่องการอัพเกรดที่นั่ง จึงเข้าใจว่าเมื่อมีการเปลี่ยนเครื่องเขาก็ยึดที่นั่งตามเดิม เพราะตอนไปออกบัตรโดยสารก็ไม่ได้เลือกที่นั่งเอง เจ้าหน้าที่ออกบัตรโดยสารให้โดยได้ที่นั่ง 1K, 2K และทราบว่าเป็นที่นั่งด้านหน้าสุดก็คิดว่าได้ที่นั่งสบายเท่านั้น (ทั้งนี้ขอเรียนเพิ่มเติมว่า ที่นั่งชั้นธุรกิจของ TG777 นั้นจะนั่งสบายกว่าชั้นธุรกิจของ TG747 มาก) มาทราบเรื่องการอัพเกรดที่นั่งจากข่าวในภายหลัง และผมเป็นอดีตข้าราชการที่เกษียณมาแล้วไม่ได้ขอให้มีสิทธิ์พิเศษใดๆเลย
ประเด็นที่ 2 คือเรื่องการย้ายที่นั่งเป็นเพียงต้นตอของปัญหาไม่ใช่สาระสำคัญของการร้องเรียน เพราะมันมีผลกระทบเพียง 2 คน แต่สาระสำคัญของการร้องเรียนอยู่ที่ความล่าช้าของเที่ยวบินที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อคนมากกว่า 300 คน โดยบางคนไม่ทราบแม้กระทั่งมีการเปลี่ยนเครื่อง บางคนคิดว่าล่าช้า เพราะต้องรอแก้ไขเครื่องที่เสียหาย จากการที่ทุกคนไม่ทราบถึงสาเหตุของความล่าช้า ผู้โดยสารส่วนใหญ่จึงมีความกังวลใจถึงความปลอดภัยของเที่ยวบินตลอดเวลาของการรอคอยและการเดินทาง แต่ถ้าผู้ปฏิบัติงานคำนึงถึงผู้โดยสารมากกว่ากฎเกณฑ์ของนักบินที่ไม่ได้ปฏิบัติงาน โดยนำเครื่องขึ้นตามเวลา และเมื่อถึงที่หมายท่านก็ดำเนินการจัดทำรายงานเรื่องภายในของการกระทำผิดกฎของพวกท่านเอง ใครพักผ่อนไม่เพียงพอก็ว่ากันเอง ก็จะไม่มีผลกระทบต่อผู้โดยสารทั้งลำ ทั้งนี้ผมไม่ได้ขัดแย้งเรื่องการพักผ่อนของนักบินซึ่งทราบดีครับว่าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งนี้เพื่อภาพลักษณ์ของสายการบินในองค์กร หวังว่าท่านจะมีการออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับสังคมว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่ปล่อยให้ภาพของผู้โดยสารบางส่วนถูกมองว่าไม่เสียสละที่นั่งให้นักบิน หรือภาพลักษณ์ของนักบินที่ดี และเจ้าหน้าที่ในการบินไทยที่มีความเป็นมืออาชีพที่ไม่ได้เกี่ยวข้องต้องเสื่อมเสียโดยเหมารวมไปกับเหตุการณ์ครั้งนี้ เพราะจะทำให้คนที่ดี ตั้งใจทำงาน ภูมิใจในองค์กรนี้ต้องได้รับผลกระทบกับเหตุการณ์นี้ไปด้วยการพูดความจริงและจริงใจที่จะแก้ปัญหาจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
สุดท้ายนี้ ผมยังเคารพในสิทธิของทุกท่านและไม่ได้โกรธเคืองการบินไทยเลย และหวังว่าการบินไทยจะรักผู้โดยสารเท่าฟ้าเหมือนดังคำขวัญที่ว่า “การบินไทยรักคุณเท่าฟ้า” ครับ