กรณีที่มีข่าวว่า นักท่องเที่ยวโดนพิษแมงกะพรุนหัวขวด (Blue Bottle Jellyfish) ได้รับบาดเจ็บจำนวน 23 ราย ในทะเลบริเวณชายหาดชลาทัศน์ และชายหาดสมิหลา จังหวัดสงขลา ในช่วงระหว่างวันที่ 17-19 ก.พ.ที่ผ่านมา นั้น
เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2561 นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวว่า ตนได้มอบหมายให้ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่างเข้าตรวจสอบในเบื้องต้น พบว่าเป็นแมงกะพรุนหัวขวด ชนิด Physalia utriculus ซึ่งจัดเป็นแมงกระพรุนที่มีพิษค่อนข้างรุนแรงชนิดหนึ่ง จึงได้สังการให้เจ้าหน้าที่ออกรณรงค์แจ้งเตือนนักท่องเที่ยวที่ลงเล่นน้ำทะเลในบริเวณริมชายหาด พร้อมทั้งให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปฐมพยาบาลในเบื้องต้น หากได้รับบาดเจ็บจากพิษแมงกะพรุนดังกล่าว โดยวิธีการใช้น้ำส้มสายชูราดต่อเนื่องบริเวณที่สัมผัส อย่างน้อย 30 วินาที และให้รีบส่งผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลเพื่อรักษาตามอาการต่อไป สำหรับ ลักษณะอาการของผู้ที่ได้รับพิษแมงกะพรุนชนิดนี้คือ บริเวณที่สัมผัสแมงกะพรุนหัวขวดจะมีอาการปวดแสบปวดร้อน ผู้ป่วยอาจมีอาการแน่นหน้าอก หายใจลำบาก
โดยทั่วไปแมงกะพรุนหัวขวด พบได้ในทะเลเปิดและจะถูกพัดพาเข้าสู่ฝั่งโดยคลื่นลมที่รุนแรง เนื่องจากส่วนบนของตัวที่ลอยโผล่พ้นน้ำมีลักษณะเรียว รี ยาว ที่ขอบด้านบนสุดมีลักษณะเป็นสันย่น ทำหน้าที่รับแรงลม ทำให้สามารถแพร่กระจายในชั้นผิวน้ำตามแรงลม จากข้อมูลการสำรวจที่ผ่านมามักพบแมงกะพรุนชนิดนี้เกยตื้นทั้งทางฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย โดยทางฝั่งทะเลอันดามันมักพบในช่วงลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ขณะที่ฝั่งอ่าวไทยพบในช่วงลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ การพบแมงกะพรุนในพื้นที่ครั้งนี้จึงไม่ใช่การระบาดหรือเป็นความผิดปกติแต่อย่างใด
อธิบดีจตุพรกล่าวต่อไปอีกว่า ที่ผ่านมากรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ได้พัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับความหลากหลายชนิด การแพร่กระจาย และฤดูกาลของแมงกะพรุนพิษในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2553 และได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจและความร่วมมือกับกรมควบคุมโรค เพื่อร่วมดำเนินการในด้านพัฒนาองค์ความรู้ด้านการแพทย์และสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง ร่วมดำเนินการในการอบรมให้ความรู้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการธุรกิจในพื้นที่เสี่ยง รวมทั้งการกำหนดแนวทางการป้องกันการบาดเจ็บจากการสัมผัสแมงกะพรุนพิษนอกจากนี้
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ยังได้ดำเนินการติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์และติดตั้งเสาน้ำส้มสายชูในพื้นที่ชายฝั่งทะเลทุกจังหวัด มากกว่า 200 จุด พร้อมทั้งจัดการฝึกอบรม บรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับแมงกะพรุนพิษและการพยาบาลเบื้องต้นให้กับผู้เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ชายฝั่งทะเล จำนวนกว่า 50 ครั้ง มีผู้ผ่านการฝึกอบรมและเป็นเครือข่ายในการดูแลช่วยเหลือแก่นักท่องเที่ยว กรณีประสบปัญหาดังกล่าวกว่า 2,000 คน
ตนจึงขอให้นักท่องเที่ยวอย่าได้ตื่นตระหนก เกี่ยวกับข่าวดังกล่าว และขอยืนยันว่า การพบแมงกะพรุนในพื้นที่
ครั้งนี้ไม่ใช่การระบาดหรือเป็นความผิดปกติอย่างแน่นอน ส่วนสาเหตุที่แท้จริงก็คือ เนื่องจากขณะนี้ทะเลฝั่ง
อ่าวไทยเป็นช่วงลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ทะเลมีคลื่นลมแรงจึงพัดแมงกะพรุนหัวขวดเข้าสู่ชายฝั่งดังกล่าว ผู้ที่ลงเล่นน้ำบริเวณริมชายหาดจึงอาจไปโดนเข้าโดนบังเอิญ อธิบดี ทช.กล่าวทิ้งท้าย/