อย.เผยยอดแจ้งครอบครองกัญชา 205 ราย โทรเข้ามาสอบถามกว่า 5 พันราย ยันกฎหมายไม่อนุญาตให้ปลูกหรือเสพกัญชาได้เสรี เตือนผู้ครอบครองกัญชาโพสต์ใบอนุญาตครอบครองลงโซเชียลอาจถูกดำเนินคดี ย้ำอนุญาตให้ครอบครองเพื่อการรักษาไม่มีผลเรื่องปลูกหรือเสพ
นพ. ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหาร และยา (อย.) ได้เปิดบริการให้สอบถามข้อสงสัยเกี่ยวกับกัญชา ภายหลังจากที่ประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวเนื่องกับการนิรโทษและครอบครองกัญชา จำนวน 3 ฉบับ มีผลบังคับใช้ โดยในช่วงวันที่ 11-15 มี.ค. 2562 ที่ผ่านมา มีผู้สอบถามเข้ามาที่ อย. จำนวนมาก เป็นการสอบถามผ่านช่องทางสายด่วน อย. 1556 จำนวน 1,277 ราย ช่องทางหมายเลขโทรศัพท์ของกองควบคุมวัตถุเสพติด อย. 71 ราย และที่ Counter Service 13 ราย คำถามที่พบส่วนใหญ่เป็นการสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการปลูก รายละเอียดการนิรโทษ การนำเข้าและการส่งออก เป็นต้น นอกจากนี้มีผู้ป่วยแจ้งครอบครองกัญชา จำนวน 120 ราย สำหรับตัวเลขสะสมตั้งแต่วันที่เริ่มเปิดรับแจ้ง 27 ก.พ. 2562 ถึงปัจจุบันมีผู้โทรสอบถามเรื่องกัญชาเข้ามาที่ อย. จำนวน 5,014 ราย และแจ้งครอบครองกัญชาแล้ว 205 ราย
นพ.ธเรศ กล่าวอีกว่า ส่วนที่ปรากฏเป็นข่าว ว่ามีการอนุญาตให้ปลูก/เสพกัญชาเสรีนั้น ไม่เป็นความจริง เนื่องจากตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่ออกตามมาตรา 22 ของพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7)พ.ศ. 2562 ซึ่งกำหนดให้ผู้ป่วยที่มีการครอบครองกัญชาไว้เพื่อรักษาโรคเฉพาะตัว ก่อนที่กฎหมายฉบับนี้มีผลใช้บังคับให้ผู้ป่วยมาแจ้งการครอบครองต่อเจ้าหน้าที่ แล้วจะถือว่าไม่มีความผิดตามกฎหมาย ดังนั้น จึงไม่ใช่เพิ่งปลูกหรือหามาใช้ภายหลังที่กฎหมายมีผลใช้บังคับแล้ว
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังต้องไปตรวจสอบเฝ้าระวัง เพื่อให้มีการปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายและเมื่อครบกำหนด 90 วันแล้ว ผู้ป่วยจะครอบครองต้นกัญชาไม่ได้ กรณีผู้ป่วยที่แจ้งการครอบครองสำหรับใช้เกิน 90 วัน และเมื่อครบกำหนด 90 วันแล้ว หากยังไม่ได้รับการรักษาและได้รับยา ในระบบที่ถูกต้องตามกฎหมาย ก็สามารถใช้ยาดังกล่าวตามที่แจ้งการครอบครองไว้ก่อนได้ ดังนั้น จึงขอให้เข้าใจถูกต้องตรงกันว่า กฎหมายไม่ได้อนุญาตให้ปลูกหรือเสพกัญชาเสรี ซึ่งการเสพกัญชามีอันตรายต่อร่างกาย โดยเฉพาะในเด็กวัยรุ่น กัญชาส่งผลเสียต่อพัฒนาการทางสมองทำให้ความจำบกพร่อง การเสพกัญชาจึงควรจำกัดให้ใช้ทางการแพทย์เพื่อการรักษาหรือบรรเทาอาการของโรคบางชนิดเท่านั้น และใช้ด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากกัญชามีฤทธิ์ต่อจิตและประสาท มีผลข้างเคียง เช่น ประสาทหลอน หวาดระแวง และความบกพร่องเรื่องความจำ
เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวต่อไปอีกว่า การแจ้งครอบครองกัญชา เป็นการดำเนินการตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 ขอให้แจ้งข้อเท็จจริงต่อเจ้าหน้าที่เพื่อประโยชน์ในการติดตามตรวจสอบและเป็นประโยชน์ต่อผู้แจ้งเอง กรณีแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าหน้าที่ จะมีความผิดตามกฎหมายด้วย ผู้ป่วยบางรายเข้าใจว่าใบอนุญาตที่ อย. ออกให้สำหรับการครอบครองกัญชาเป็นการอนุญาตให้ปลูกกัญชาได้ด้วย และนำไปเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด อย.ขอย้ำว่า ใบอนุญาตที่ อย. ออกให้ใช้ในวัตถุประสงค์การ “ครอบครอง” กัญชาเพื่อประโยชน์ในทางการแพทย์หรือการรักษาพยาบาลเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับการอนุญาตให้ “ปลูก” กัญชาแต่อย่างใด การที่นำไปเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ ผู้เผยแพร่อาจถูกดำเนินการตามกฎหมายได้ จึงขอให้ผู้ครอบครองกัญชาระมัดระวัง ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎระเบียบด้วย เลขาธิการฯ กล่าวในที่สุด