อลงกรณ์ พลบุตร แถลงจุดยืนทางการเมือง 3 ประเด็นสำคัญต่อการเลือกตั้ง การจัดตั้งรัฐบาลและประเด็นนายกคนนอก
นายอลงกรณ์ พลบุตร ผู้สมัครชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงจุดยืนว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองใหญ่ที่เป็นหลักของประเทศทำให้ประชาชนและสื่อมวลชนต้องการความชัดเจนในจุดยืนของผู้นำพรรคเกี่ยวกับท่าทีต่อการเลือกตั้ง การจัดตั้งรัฐบาลและประเด็นนายกคนนอก
นายอลงกรณ์ กล่าวต่อว่า วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีหัวหน้าพรรคเพราะอยู่ระหว่างการเลือกหัวหน้าพรรคมีแต่รักษาการหัวหน้าพรรค และผู้สมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค3ท่าน ซึ่งก็คือว่าที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนต่อไป ดังนั้นความเห็นใดๆของผู้สมัครทั้ง 3 ท่านจึงเป็นจุดยืนของ ว่าที่หัวหน้าพรรคซึ่งเป็นเรื่องดีที่ประชาชนและสมาชิกจะได้ทราบจุดยืนของแต่ละท่าน
“ผมจึงขอแถลงแสดงจุดยืนและท่าทีทางการเมืองใน 3 เรื่องใหญ่ ที่มีความสำคัญต่อการเมืองไทยและอนาคตของประเทศ”
1.จุดยืนต่อการเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์โดยการนำของผมจะร่วมแข่งขันในการเลือกตั้งตามกฎหมายและกติกาอย่างสุภาพบุรุษโดยจะไม่มีการขัดขวางหรือบอยคอตการเลือกตั้งในยุคที่ผมเป็นหัวหน้าพรรค เราพร้อมเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล แพ้คือแพ้ ชนะคือชนะ ตามเจตนารมณ์ของประชาชน เมื่อแพ้ก็ปรับปรุงตัวเองให้เป็นทางเลือกที่ดีจนกว่าจะชนะใจประชาชนด้วยแนวทางการเมืองสีขาว456ของประชาธิปัตย์ยุคใหม่
2.จุดยืนต่อการจัดตั้งรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์โดยการนำของผมจะเคารพสิทธิพรรคการเมืองที่ชนะเลือกตั้งอันดับหนึ่งให้มีสิทธิ์จัดตั้งรัฐบาลก่อนตามครรลองประชาธิปไตยเพื่อแสดงว่าพรรคประชาธิปัตย์เคารพเสียงของประชาชนและต้องพร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลบนความชอบธรรมเท่านั้น
3.จุดยืนต่อนายกคนนอก พรรคประชาธิปัตย์โดยการนำของผมไม่รับนายกคนนอกเพราะจะเป็นชนวนก่อวิกฤติการณ์ทางการเมืองครั้งใหญ่ผมจะไม่ยอมให้ประเทศต้องจมปลักอยู่กับความแตกแยกขัดแย้งอีกต่อไป ผมจะไม่ยอมให้ประชาชนของเราไม่ว่าจะคิดต่างกันอย่างไรต้องเสียชีวิตและเลือดเนื้ออีกต่อไป ประเทศบอบช้ำมามากแล้ว วันนี้เป็นวันครบรอบ45ปีของเหตุการณ์14ตุลาวิปโยคเป็นบทเรียนที่จะต้องไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก พรรคประชาธิปัตย์มีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์และประชาธิปไตยเหมือนพี่น้องคนไทยทุกคนจึงต้องป้องกันมิให้ประเทศของเราเกิดวิกฤติการณ์ทางการเมืองหลังการเลือกตั้งซึ่งควรเป็นการเลือกตั้งแห่งความหวังที่จะเริ่มเดินหน้าประเทศสู่อนาคตที่ดีขึ้นเพื่อคนไทยทุกคน”