นางสมศรี วัฒนไพศาล อธิบดีอัยการภาค 7 พร้อมด้วย นายสมเจตน์ อำนวยสวัสดิ์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 2 ภาค7 และนายทนง ตะภา อัยการ จ.กาญจนบุรี ได้ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าคดีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานอิตาเลียนไทย ดีวีล๊อปเมนต์ พร้อมพวกรวม 4 ราย ผู้ต้องหาร่วมกันล่าสัตว์ป่าในทุ่งใหญ่เนเรศวร ด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี เข้าไปล่าสัตว์ป่าในทุ่งใหญ่นเรศวร อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
นางสมศรี วัฒนไพศาล อธิบดีอัยการภาค 7 ได้แถลงความคืบหน้าในการพิจารณาคดีนายเปรมชัย กรรณสูต กับพวก ว่า เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2561 สืบเนื่องจากสำนักงานอัยการ จ.กาญจนบุรี ได้รับสำนวนสอบสวน คดีระหว่างนายวิเชียร ชิณวงษ์ ผู้กล่าวหา นายเปรมชัย กรรณสูต ผู้ต้องหาที่1 นายยงค์ โดดเครือ ผู้ต้องหาที่ 2 นางนที เรียมแสน ผู้ต้องหาที่ 3 และนายธานี ทุมมาศ ผู้ต้องหาที่ 4 สำหรับผลการสอบสวนคดีสำนวนคดีนี้ ทางพนักงานอัยการและคณะทำงานได้มีคำสั่งสอบสวนเพิ่มเติมไป 2 ครั้ง
สำหรับนายเปรมชัย กรรณสูต ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่ 1 ได้มีคำสั่งฟ้อง ข้อหาแรกคือ
1. ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในตัวหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต
2. ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
3.ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
4. ร่วมกันมีไว้ในครอบครอง ซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
5.ร่วมกันช่วยซ่อนเร้นซากสัตว์ป่าอันได้มากระทำการผิดกฎหมาย
6.ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
ส่วนข้อหาที่ไม่สั่งฟ้อง นายเปรมชัย 4 ข้อหา คือ 1.ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ 2. ร่วมกันมีเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่า หรือจับสัตว์หรืออาวุธใดๆเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ 3.ร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และ4.ร่วมกันกระทำการทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันสมควร
ส่วนนายยงค์ โดดเครือ อัยการสั่งฟ้องข้อหาเดียวกันกับนายเปรมชัย และมีเพิ่ม 1 ข้อหา คือ ข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนอีก 3รายคือ นางนที เรืองแสง (แม่ครัว) อัยการสั่งฟ้องเกือบทุกข้อหา ยกเว้นข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่า ส่วนนายธานี ก็สั่งฟ้องข้อหาเดียวกับนายยงค์ ทุกข้อหา แต่เพิ่มอีก 1 ข้อหาคือ ข้อหาพยายามล่าสัตว์ป่า
อธิบดีอัยการภาค 7 กล่าวอีกว่า ส่วนค่าเสียหายมูลค่าสัตว์ที่เสียชีิวิต อัยการมีความเห็น ให้ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 462,000 บาท ให้กับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เนื่องจากตาม พ.ร.บ. คดีนี้ฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งไปกับอาญาได้เฉพาะที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ ส่วนที่เกี่ยวกับ พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม เกี่ยวกับระบบนิเวศ ก็เป็นหน้าที่ที่ทางเจ้าหน้าที่จะต้องไปเรียกร้องทางแพ่งต่างหาก อย่าสงสัยว่าทำไมคดีอาญาถึงเรียกร้องค่าเสียหายได้เพียงเท่านี้
หลังจากที่มีคำสั่งนี้ออกไปแล้ว จะส่งสำนวนการสอบสวนคดีนี้ไปยังผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อให้มีความเห็นทางคดีว่า เห็นชอบในคำสั่งที่อธิบดีอัยการภาค 7 มีคำสั่งไปหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ก็ได้ส่งสำนวนการสอบสวนทั้งหมดไปให้ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 แล้ว แต่หากมีความเห็นไม่เห็นด้วยกับคำสั่งอธิบดีอัยการภาค 7 สำนวนคดีจะถูกส่งไปยังท่านอัยการสูงสุด เพื่อชี้ขาดความเห็นแย้ง แต่หากไม่แย้งเรื่องจะกลับมาที่สำนักงานอัยการภาค 7และจะยื่นฟ้องที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ตามระบบต่อไป