เปิดแรงเสียดทาน “ไทยรักษาชาติ” ก้าวย่างเดิมพันยุบพรรค
ท่ามกลางแรงกดดันที่พุ่งตรงไปถึง “ไทยรักษาชาติ” ภายหลังเสนอพระนามทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ ก่อนที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะมีพระราชโองการ ในค่ำคืนวันที่ 8 ก.พ. กลายเป็น 2 ปรากฏการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นภายในวันเดียว บนหน้ากระดานทางการเมืองที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ทำให้ท่าทีแกนนำ “ไทยรักษาชาติ” เลือกจะหยุดความเคลื่อนไหวต่อกระแสกดดันที่ถาโถมมาที่พรรค ตั้งแต่การยกเลิกกำหนดหาเสียงที่เขตสาทร เพื่อช่วยช่วยผู้สมัครเขต 2 ปทุมวัน-บางรัก-สาทร ม.ล.ณัฏฐพล เทวกุล เบอร์ 10 และ ผู้สมัครเขต เขต 3 บางคอแหลม-ยานนาวา นายพงษ์พิสุทธิ์ จิตรโสภณ เบอร์ 1 เมื่อวันเสาร์ที่ 9 ก.พ. ไม้เว้นแต่การหลบหายไปจากที่ทำการพรรคไทยรักษาชาติย่านแจ้งวัฒนะตลอด 2 วันที่ผ่านมา มีเพียงการออกแถลงการณ์ “น้อมรับพระราชโองการ” เพียงเท่านั้น ด้วยกระแสข่าวมากมายว่า ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ พร้อมแกนนำได้หายตัวไปแล้ว
แต่ที่สุดแล้ว “ไทยรักษาชาติ” กลับมาขยับอีกครั้งเมื่อ พรรคได้ออกโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค ประกาศยังคงในจุดยืนและเดินหน้าในสนามเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค. ถัดมาไม่กี่ชั่วโมง “ปรีชาพล” ก็ไปอยู่ในภาพถ่ายบนเฟซบุ๊ค “ชยิกา วงศ์นภาจันทร์” กรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติ ขณะไปร่วมทำบุญไหว้พระกับ “ปรีชาพล” ที่วัดหน้าพระเมรุราชิการาม จ.พระนครศรีอยุธยา
ทว่าสึนามิ “ลูกใหญ่” ที่ไทยรักษาชาติจะถูกท้าทายจากนี้ หนีไม่พ้นการ “ยุบพรรค” เมื่อ “ศรีสุวรรณ จรรยา” เลขาธิการ สมาคมองค์กรพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางมาที่กกต. เพื่อให้พิจารณายุบพรรคไทยรักษาชาติ พร้อมยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยโดยเร็ว ขณะที่ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป ยื่นหนังสือเรียกร้อง กกต. สั่งให้พรรคไทยรักษาชาติ ระงับการเสนอพระนามทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ฯ ในรายชื่อบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรค เนื่องจากเข้าข่ายขัดต่อระเบียบ กกต.เช่นกัน
เมื่อพลิกดูในระเบียบ กกต. ที่ประกาศเมื่อ 28 ธ.ค.2561 ตามข้อ 17 ระบุว่า “ห้ามผู้สมัคร พรรคการเมือง หรือผู้ใดนำสถาบันพระมหากษัตริย์ มาเกี่ยวข้องกับการหาเสียงเลือกตั้ง” โยงไปถึงพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง” เขียนบทบัญญัติว่าด้วยการยุบพรรคไว้ในมาตรา 92 ว่า เมื่อคณะกรรมการมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น
(1) กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ (2) กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
“มาตรา 92” จึงเป็นปัจจัยใหญ่ที่ “สะเทือน” ไปถึงไทยรักษาชาติ โดยเฉพาะทัพหน้าอย่าง “เพื่อไทย” จะถูกกระทบไปด้วย เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกคะแนนเสียงเลือกตั้งส.ส.จากพรรคแนวร่วม จะมีผลต่อการตั้งรัฐบาลหลัง 24 มี.ค. เมื่อฝั่ง “พลังประชารัฐ” ก็เร่งเครื่องเปิดหน้าชน จุดพลุ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ขึ้นแคนดิเดตนายกฯของพรรคเต็มตัว เป็น “จุดเปลี่ยน” ให้นายใหญ่ต้อง “แก้เกม” เพื่อพลิกสถานการณ์ก่อนการเลือกตั้งจะถึงอีก 40 วันข้างหน้า
ถึงแม้กระแสข่าวลือ “บิ๊กเซอร์ไพรส์” จะยังไม่จบเพียงเท่านี้ ทุกหน้ากระดานจากขั้วอำนาจ ต่างกุม “ไพ่ลับ” รอเปิดหน้าไพ่เทหน้าตักออกสู้ โดยเฉพาะ “เงื่อนไข” ที่พุ่งไปที่ไทยรักษาชาติ จะถูกบีบให้แสดงความรับผิดชอบ มากกว่าออกแถลงการณ์น้อมรับพระราชโองการ หากยิ่งแสดงความรับผิดชอบล่าช้าเท่าไหร่ ประตูทางการเมืองของ “ไทยรักษาชาติ” จะยิ่งแคบลงเท่านั้น เพราะไม่ใช่แค่ไทยรักษาชาติจะเป็น “เป้านิ่ง” อย่างเดียว แต่จะถูกลามไปถึง “เพื่อไทย” ได้ทุกเมื่อ
จากนี้จะเห็นทุกจังหวะก้าวแต่ละขั้วอำนาจ เป็นจังหวะก้าวที่ถูกต่อจิ๊กซอว์ก่อตัวเป็นภาพใหญ่ ให้กลับมา “เซอร์ไพรส์” ได้ทุกนาที