นายบุญชู แพใหญ่ นายกสมาคมประมงจังหวัดพังงา เปิดเผยว่า หลังจากชาวประมงในพื้นที่จังหวัดพังงา ได้รับความเดือดร้อนจากการออกประกาศของภาครัฐเพื่อแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย แต่ในข้อเท็จจริงทางชาวประมงไม่สามารถปฏิบัติตามได้
ซึ่งก่อนหน้านี้ทางกลุ่มชาวประมงในจังหวัดพังงา กว่า 100 คน ได้เดินทางไปยื่นหนังสือเรียกร้องผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา เพื่อส่งต่อให้ทางรัฐบาลทบทวนประกาศ หรือคำสั่งต่างๆ ที่สร้างความเดือดร้อนแก่ชาวประมงที่สุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย และเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขกฎหมาย เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของชาวประมง และข้อเท็จจริงในพื้นที่แต่ละพื้นที่ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขวิกฤติปัญหาในกิจการประมงไทย ให้เกิดการปฏิรูปได้อย่างสมบูรณ์ สร้างความน่าเชื่อถือของกลุ่มสหภาพยุโรป
แต่ที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากทางรัฐบาล ดังนั้นหากรัฐบาล ยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัดให้ทางผู้ประกอบการเรือประมงในจังหวัดพังงา และจังหวัดอื่นๆ ที่ประกอบกิจการการทำประมง ผู้ประกอบการเรือประมงในพื้นที่ท่าเทียบเรือทับละมุ ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง ท่าเทียบเรือบ้านน้ำเค็ม อ.ตะกั่วป่า และ ท่าเทียบเรือคุระ อ.คุระบุรี ที่ประกอบกิจการเรือประมงกว่า 3,000 ลำ จะหยุดนำเรือประมงที่ออกไปหาปลาในทะเล ในวันที่ 10 เมษายน 61 และจะเดินทางไปยื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาลพร้อมกับผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับประมงจังหวัดอื่นต่อไป
สำหรับข้อเรียกร้องประกอบด้วย 1.การแก้ไขปัญหาทำการประมงผิดกฎหมายจนบางครั้งชาวประมงเตรียมตัวไม่ทัน ออกกฎหมายโดยที่ชาวประมงไม่ได้มีส่วนร่วม หรือไม่รับฟังเสียงคัดค้านหรือข้อเสนอแนะของภาคประชาชน ฟังแต่เสียงนักวิชาการที่มีองค์ความรู้ไม่ครบด้าน ทำให้การประกาศบังคับใช้กฎหมายมีปัญหาต้องกลับไปแก้ไข
2.การกำหนดบทลงโทษที่รุนแรงเกินไป ทำให้ชาวประมงบางคนต้องสิ้นเนื้อประดาตัว โทษการยึดเรือ ยึดใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ที่เป็นเครื่องมือทำมาหากินเลี้ยงครอบครัวที่เป็นมรดกตกทอดกันมา หากรัฐยึดเอาไปก็เหมือนซ้ำเติมให้หมดทางทำมาหากิน เพราะบางคนมีความรู้น้อย ทำประมงมาตลอดทั้งชีวิตให้กลับไปทำอย่างอื่นคงลำบาก
3.การลงน้ำหนักปลาในสมุดบันทึกการทำประมง (ล็อกบุ๊ก) ที่กรมประมงกำหนดค่าความคลาดเคลื่อนไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในทางปฏิบัติทำได้ยาก เพราะการคาดคะเนด้วยสายตาย่อมมีความผิดพลาดสูง 4.การติดตั้ง VMS ที่ภาระค่าอุปกรณ์ ค่าติดตั้ง ค่ารายเดือน เจ้าของเรือเป็นผู้ออก แต่กรมประมงออกประกาศให้เปลี่ยนเครื่อง VMS ใหม่เป็นรุ่น 2 ภายในพฤษภาคม 2562 ซึ่งค่าอุปกรณ์กว่า 50,000 บาท หรือให้ปรับปรุง รุ่นที่ 1 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่งต้องจ่ายค่าอัปเกรดจำนวนกว่า 20,000 บาท เป็นการเพิ่มภาระให้ชาวประมง ควรทำการอัปเกรดให้ชาวประมงหรือรับซื้อคืนเครื่องรุ่น 1 กลับไป
5.ควรให้กรมประมงเปิดให้เรือบางประเภทสามารถขอใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ได้มากกว่า 1 ใบ เพราะเรือบางประเภทออกทำประมงได้ไม่กี่เดือนก็หมดฤดู ก็ต้องจอดเรือ เพราะออกไปทำการประมงโดยไม่มีใบอนุญาตไม่ได้
6.กำหนดให้ทำประมงเพียง 200 กว่าวัน หรือ 7-8 เดือน ทำให้ชาวประมงขาดรายได้เพราะไม่สามารถทำประมงได้ในแต่ละปีเกือบ 4 เดือน
และ 7.กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานออกประกาศจ่ายค่าจ้างเป็นรายเดือน และผ่านบัญชีธนาคารเท่านั้น โดยปกติงานประมงจะจ้างเป็นรายวันเพราะใน 1 ปี ไม่ได้ออกทำประมงตลอดเวลา เนื่องจากวันทำการประมงหมด ติดมรสุม จอดเรือซ่อมแซม การให้จ่ายค่าจ้างทั้งเดือน และทำสัญญา 1 ปี ไม่ยุติธรรมต่อนายจ้าง โดยลูกจ้างทั้งหมดต้องการรับค่าจ้างเป็นเงินสดเท่านั้น ไม่ต้องการเงินผ่านธนาคาร
ส่วนประมงปลากะตักเกาะยาว ได้ยื่นหนังสือเรียกร้องให้ทางกรมประมงได้ทบทวนกฎหมายขอให้เรือปลากะตักเกาะยาว อยู่ในประเภทเรือประมงพื้นบ้าน เนื่องจากปัจจุบันทางกรมประมงบังคับใช้เรือประมงปลากะตักเกาะยาว อยู่ในเรือประมงพาณิชย์ขนาดใหญ่ ขณะที่บริเวณการทำประมงอยู่ในพื้นที่ประมงชายฝั่ง แต่อุปกรณ์การต้มทำให้เรือต้องใช้ขนาดใหญ่เท่านั้น