หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัว นายนายธงชัย กลางเมือง หรือ ตั้ม ผู้ต้องหาฆ่า น.ส.ปัสญา ปวงสุข หรือ น้องเอ๋ย ก่อนนำศพไปโยนทิ้งน้ำในพื้นที่ จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 62 ที่ผ่านมา และหลบหนีพร้อมกับ กิ๊กสาว คือ น.ส.ธรรมภัสสร พุทธรักษา โดยถูกแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและ ร่วมกันซ่อนเร้นย้ายหรือทำลายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย
เมื่อวานนี้ (25 เม.ย.) เวลา 18.30 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านของนายตั้ม อยู่ ต.โคกสูง อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น และได้พบนางบัวฮอง แก้วเนตร อายุ 50 ปี แม่ของนายตั้ม ซึ่งจากการพูดคุยกับนางบัวฮอง ได้ ทราบเรื่องที่ลูกชายไปก่อเหตุฆ่าคนตายจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว รู้สึกเสียใจ คิดถึงหัวอกของคนที่สูญเสีย ครอบครัวคนตาย
โดย แม่ ของนายตั้ม เล่าว่า ลูกชาย ตอนอายุ 19 ปี เคยถูกจับในคดีจี้ชิงทรัพย์คนขับรถแท็กซี่ในกรุงเทพมหานคร และติดคุกอยู่นานหลายปี เมื่ออกจากคุกกลับมาอยู่บ้าน ทำงานรับจ้าง และต่อมาถูกจับในคดียาเสพติด ติดคุกอยู่หลายปีเช่นกัน เพิ่งพ้นคุกออกมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา แต่ออกจากคุกในครั้งนี้ ลูกชายมีนิสัยเปลี่ยนแปลงไป มีอารมณ์เกรี้ยวกราด ฉุนเฉียว โมโหง่าย และมักระบายด้วยการกรีดข้อมือตัวเอง และทำร้ายตัวเอง ตนเองจึงตัดสินใจให้ลูกชายบวช เป็นเวลา 7 วันก็สึกออกมา
หลังจากสึกออกมา นายตั้ม ลูกชาย บอกว่า ไม่อยากอยู่บ้าน ขอเข้าไปหางานทำในเมืองขอนแก่น จึงได้เช่าคอนโดจุดที่เกิดเหตุให้ นายตั้ม พักอยู่กับน้องชาย แต่น้องชายอยู่ไม่ได้ เพราะนายตั้ม มักจะหงุดหงิดโมโหง่าย น้องชายกลัวถูกทำร้ายจึงขอย้ายไปอยู่ที่อื่น และต่อมาก็เเกิดเหตุการณ์ นายตั้ม ฆ่าคนตาย
นางบัวฮอง ยังบอกอีกว่า เมื่อวันที่ 22 เมษายน ที่ผ่านมานายตั้มได้โทรศัพท์มาหา และบอกว่า จะตั้งใจทำงานหาเงินเลี้ยงแม่กับน้องชาย และตายาย แม่จะได้ไม่ห่วง ในใจยังนึกว่าลูกชายคงกลับมาเป็นปกติแล้ว แต่สิ่งที่นายตั้มทำลงไปนั้น โดยส่วนตัวคิดว่าเกิดจากความเก็บกดในใจ ที่เคยถูกฝึกฝนตอนติดคุกครั้งล่าสุด ทำตัวดี มีความอดทนอดกลั้น ประพฤติดี จนได้เป็นผู้ช่วยดูแลนักโทษกว่า 700 ชีวิต
แต่เมื่อพ้นคุกออกมา สังเกตว่า นายตั้มมักจะใช้อารมณ์ และออกคำสั่งกับคนรอบข้าง จนเกิดการพลั้งฆ่าคนตาย และเมื่อทำผิด ก็รับโทษที่ตัวเองทำ และเชื่อว่า นายตั้มเป็นลูกผู้ชาย กล้าทำกล้ารับ และรับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองก่อขึ้น เมื่อพ้นโทษก็ออกมาอยู่กับครอบครัว ทุกคนรัก และให้อภัยเสมอ และฝากขอโทษไปยังครอบครัวของน้องเอ๋ยด้วย เพราะสิ่งที่ลูกชายทำลงไปนั้นไม่มีใครสามารถให้อภัยได้ และในสิ่งที่เกิดขึ้นก็เข้าใจและยอมรับความจริง ใครทำผิดก็ต้องได้รับโทษ