สาวอัมพาตครึ่งตัวสุดซ้ำถูกผัวใจร้ายอุ้มทิ้งย่านดอนเมือง ตำรวจตามจับผู้ก่อเหตุได้ อ้างกระโดดลงไปเอง ด้านปวีณาเข้าช่วยเหลือแล้ว
วานนี้ (5 มี.ค. 62) เมื่อเวลา 17.30 น. ร.ต.อ.ธนิตศักดิ์ ชื่นสวัสดิ์ รองสวป.สน.ดอนเมือง ขณะออกตรวจพื้นที่ ได้รับแจ้งจากห้องวิทยุว่ามีพลเมืองดีแจ้งว่าพบชายนั่งรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อมาสด้า รุ่นแอสทิน่า สีชมพู ทะเบียน ทว 1720 เชียงราย ได้นำหญิงอายุ ประมาณ 30 ปี ลักษณะเป็นอัมพาตครึ่งตัวมาทิ้งไว้บริเวณ ซอยเทิดราชัน 19 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ หลังรับแจ้งได้เดินทางตรวจสอบพร้อม ด.ต.โสฬส วงษ์สาลี ด.ต.ทิวา เมฆคะ ส.ต.ท. ณัฐกฤต ไพกะเพศ ส.ต.ท.พงษ์บัณฑิต แสนตะระนะ ผบ.หมู่ งานป้องกันปราบปราม สน.ดอนเมือง
ที่เกิดเหตุบริเวณทางเท้าริมถนนเทิดราชัน ช่วงปากซอยเทิดราชัน 19 พบประชาชนกำลังให้การช่วยเหลือหญิง อายุประมาณ 30 ปี สวมเสื้อยืดสีแดงลายจุดสีขาว สวมผ้าถุงขึ้นจากพื้นทางเท้ามานั่งพัก ทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.ปริศนา เทพาชมพู อายุ 38 ปี จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงช่วยกันอุ้มขึ้นรถสายตรวจมาทำการสอบสวนที่สน.ดอนเมือง
ต่อมาเมื่อเวลา 19.00 น.นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี ได้เดินทางมาที่สน.ดอนเมือง ด้านนางปวีณา กล่าวว่า วันนี้ตนเดินทางมาเพื่อประสานขอรับตัวนางสาวปริศนา ไปพักอาศัยชั่วคราวที่มูลนิธิฯ ในจังหวัดปทุมธานี เป็นการชั่วคราวก่อนดำเนินการต่อไป ซึ่งในวันพรุ่งนี้ทางมูลนิธิฯจะต้องนำตัวไปตรวจโรคที่โรงพยาบาลยันฮี ก่อนส่งไปให้อยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์คนพิการและทุพพลภาพ (บ้านพระประแดง) กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ต่อไป ซึ่งตนเองขอฝากให้ครอบครัวที่มีผู้ป่วยหรือพิการขอให้ช่วยกันดูแล รัฐบาลไม่สามารถเป็นผู้ดูแลได้ตลอด
จากนั้นเวลา 20.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สน.ดอนเมือง ได้ติดตามตัวนายวิชัย กาศักดิ์ อายุ 42 ปี สามีของน.ส.ปริศนา ได้ขณะจอดรถซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ หมู่บ้านปิ่นเจริญ 4 จึงนำตัวมาสอบสวน ซึ่งนายวิชัยอ้างว่า ภรรยาได้กระโดดลงไปจากรถเอง ในขณะที่ตนจอดรถลงไปซื้อข้าวผัดบริเวณปากซอยเทิดราชัน 13 พอเดินกลับมาที่รถก็ไม่พบภรรยาแล้ว จึงได้ขับรถตระเวนออกตามหา จนกระทั่งมาทราบว่า ภรรยามาอยู่ที่ สน.ดอนเมืองแล้ว
ด้านพ.ต.ท.รังสรรค์ สอนสิงห์ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ดอนเมือง กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้แจ้งข้อหาหรือดำเนินคดีกับนายวิชัย เนื่องจากเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องภายในครอบครัว ซึ่งตนได้พูดจาว่ากล่าวตักเตือนนายวิชัยไม่ให้กระทำการเช่นนี้อีกและหากทำอีกก็จะมีการดำเนิการตามขั้นตอนของกฎหมาย ก่อนจะนำตัวไปทำประวัติและปล่อยตัวไป