เปิดประวัติ และภารกิจ ปู่คออี้ ผู้นำจิตวิญญาณของชาวกะเหรี่ยงแห่งผืนป่าแก่งกระจาน สู่ปฏิบัติการยุทธการตะนาวศรี ขอคืนยุ้งฉาง ความยุติธรรม
ปู่คออี้ หรือ คออี้ มีมิ ผู้นำจิตวิญญาณของชาวกะเหรี่ยงแห่งผืนป่าแก่งกระจาน วัย 107 ปี ได้เสียชีวิตแล้วอย่างสงบที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้า จังหวัดเพชรบุรี เมื่อช่วงเช้าวันที่ 5 ตุลาคม 2561 เวลา 04.14 น.
วันนี้ทีมข่าว ไบรท์ ออนไลน์ ขอพาย้อนเรื่องราวประวัติ และการต่อสู้บนพื้นป่าแก่งกระจาน เพื่อลูกหลาน
ปู่คออี้ เกิดเมื่อ พ.ศ.2454 ตามบัตรประชาชน เป็นปีเดียวกับที่สยามประกาศและบังคับใช้พ.ร.บ.แปลงชาติ ร.ศ.130 (พ.ศ.2454 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม) หรือกฎหมายแปลงชาติ ร.ศ.130 อาศัยอยู่บริเวณต้นน้ำลำภาชี รอยต่อของจังหวัดเพชรบุรีและราชบุรี และทำไร่หมุนเวียนตามวิถีชีวิตดั้งเดิมของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบริเวณที่เรียกว่า บ้านใจแผ่นดินและบ้านบางกลอยบน
ปู่คออี้ อาศัยอยู่กับ หน่อแอะ มีมิ ลูกชายคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ วัย 56 ปี
จากนั้นปีพ.ศ.2539 กรมอุทยานฯ อพยพชาวบ้านบางกลอย ลงมาอยู่ในแปลงจัดสรร ที่บ้านโป่งลึก (เรียกว่า โป่งลึก-บางกลอยล่าง) จำนวน 57 ครอบครัว 391 คน แต่ชาวบ้านอยู่ไม่ได้ เพราะไม่มีที่ทำกิจเพียงพอ ที่ทำกินใหม่เป็นดินหินแข็ง เพาะปลูกแทบไม่ได้ ทำให้ชาวบ้านส่วนหนึ่งย้ายกลับไปยังหมู่บ้านเก่า
6 พ.ศ. 2554 กรมอุทยานฯ เปิดยุทธการตะนาวศรี (การปฏิบัติการตามโครงการขยายผลการอพยพผลักดัน หรือจับกุมชนกลุ่มน้อยที่บุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานตามแนวชายแดนไทย-สหภาพเมียนมา) เข้าย้ายชาวบ้านลงมาอีกรอบ และเผาทำลายบ้าน หรือที่ทางการเรียกว่าเพิงพัก ยุ้งข้าว ชาวบ้านที่ย้ายลงมารวมทั้งปู่คออี้ อยู่ไม่ได้ เพราะไม่มีที่ทำกิน สูญเสียวิถีชีวิตของชาวกะเหรี่ยงดั้งเดิม จึงรวมตัวกันฟ้องศาลปกครอง
กระทั่ง ปี 2559 ศาลปกครองตัดสินกรณีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานขึ้นไปเผาบ้านเรือน ยุ้งข้าว และรื้อทำลายทรัพย์สินของผู้ฟ้องคดีทั้ง 6 คน โดยผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 6 คนก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติและมีการล่าสัตว์ ถือว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ส่วนการรื้อถอนด้วยวิธีเผาทำลายเพิงพักและยุ้งฉาง ศาลตัดสินว่าเป็นการดำเนินการที่ถูกต้องเหมาะสมตามหลักความได้สัดส่วนและตามควรแก่กรณีสภาพการณ์ เพราะหากรื้อถอนไปแล้วคงเหลือวัสดุก่อสร้างไว้ที่เดิมย่อมจะทำให้ผู้กระทำความผิดนำไปใช้ในการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างขึ้นใหม่ได้ โดยศาลให้ผู้ถูกฟ้องคดีชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ฟ้องคดีทั้งหมดคนละ 10,000 บาท ภายใน 30 วัน
13 มีนาคม 2561 ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเผาบ้านชาวกะเหรี่ยง คนละ 10,000 บาท แต่ปู่คออี้ และชาวบ้าน ไม่มีเอกสารยืนยันครอบครองที่ดิน ก่อนประกาศเขตอุทยานแห่งชาติ ทำให้ไม่มีสิทธิในพื้นที่ ปู่คออี้ จึงกลับป่าไม่ได้จนลมหายใจสุดท้าย
12 มิถุนายน 2561 ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้นให้กรมอุทยานฯ ชดใช้ให้กับปู่คออี้ และชาวบ้านรวม 6 คน เป็นเงิน 51,407 – 45,302 บาท
31 กรกฎาคม 2561 ปู่คออี้ ได้ถ่ายรูปทำบัตรประชาชนเป็นครั้งแรก โดยมีนายทะเบียนอำเภอแก่งกระจานและคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติช่วยอำนวยความสะดวก