ชาวบ้านอ.ท่าตะเกียบและอ.สนามชัยเขต ผวาหนัก ช้างป่า ออกหากินในพื้นที่ทำกินของเกษตรกร ด้านผู้ว่าฯฉะเชิงเทราเรียกประชุมด่วนแก้ปัญหา
เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง จนท.อนุรักษ์ ร่วมกับชาวบ้านในตำบลทาตะเกียบ อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา ตั้งจุดเฝ้าระวังช้างป่าอยู่ตามถนนสายต่างๆ ในหมู่บ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้ช้างป่าจำนวนนับร้อยตัวซึ่งอาศัยอยู่ในป่าชุมชน ป่าชากหรือป่ายูคาลิปตัส พาออกไปหากินในพื้นที่ไร่นาหรือเข้าใกล้ชุมชน มีทั้งการเปิดไฟวับวาบ ก่อกองไฟไว้ตามมุมพื้นที่การเกษตร รวมทั้งใช้เสียงตะโกนโหวกเหวกและระเบิดปิงปองจุดไล่ เป็นระยะๆ
ชาวบ้านทีบ้านอ่างเตย บอกว่า ตลอดระยะเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมา ช้างยิ่งพากันออกมาหากินในพื้นที่มากขึ้นๆทุกปี โดยเฉพาะช่วงลมหนาวลงและข้าวในแปลงนากำลังตั้งท้องออกรวงและกำลังจะเก็บเกี่ยวได้ เป็นอาหารที่ช้างชอบมาก ที่ผ่านมาในปีก่อนได้รับความเสียหายมาก บางรายต้องเร่งเก็บเกี่ยวพอได้ข้าวเปลือกบ้างดีกว่าจะสูญเสียทั้งหมด รวมไปถึงพื้นที่แปลงสัปปะรด แปลงไร่มัน สวนปาล์ม สวนกล้วย ช้างได้เข้าไปกัดกินเป็นบริเวณกว้าง จนได้รับความเสียหายนับร้อยๆไร่แล้ว
ชาวบ้านยังบอกว่า ตอนนี้ภาพช้างเดินตามถนน อาศัยอยู่ในป่า กลายเป็นภาพชินตาไปแล้ว เพราะมีช้างป่าอีกจำนวนมากที่ออกมาหากินนอกป่าแล้ว ไม่ยอมกับเข้าป่า กลายเป็นช้างประจำถิ่นไปแล้ว ซึ่งมีช้างมากกว่า 100 ตัว ทั้งตัวเล็กตัวน้อย ปกติก็จะออกหากินในเวลาช่วงเย็น ถึงกลางคืน ก่อนรุ่งสว่าง ก็จะพากันเดินทางกลับแล้วไปอาศัยอยู่ในป่าชุมชน ป่ายูคาลิปตัส ป่าชาก ซึ่งเป็นป่ารกทึบและมีแหล่งน้ำ หากวันใดถูกดดันมากๆ ก็จะแยกกลุ่มๆละ 5 ตัว 10 ตัว หรือ 20 ตัว พากันออกหากินไปตามพื้นที่ต่างๆ ซึ่งเป็นความฉลาดของช้างและยากต่อการเฝ้าระวัง
ด้านนายหลิม สาธุชาติ อดีต นายก อบต.ท่าตะเกียบ บอกว่า ขณะนี้มูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีคุณแสงเดือน ชัยเลิศ เป็นประธานมูลนิธิ ได้เห็นความสำคัญในปัญหาช้างออกมาหากินนอกป่า จึงมีแนวทางที่จะช่วยเหลือเพื่อลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้าง ลดปัญหาพื้นที่การเกษตรที่จะได้รับความเสียหาย จึงสนับสนุนงบประมาณ มาดำเนินการจัดหาอาหารช้าง ซึ่งเป็นผลผลิตทางการเกษตรที่ช้างชอบ เช่น กล้วย อ้อย สัปปะรด ขนุน มะละกอ เหล่านี้ ไปวางกองไว้ในป่าชุมชนที่ช้างป่าอาศัย ซึ่งนอกจากจะเป็นอาหารช้างป่าได้แล้ว ยังเป็นการช่วยเหลือ ชดเชยเป็นรายได้ของชาวบ้าน ในพื้นที่อีกทางหนึ่ง
ด้านนายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้เรียกประชุมนายอำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งหามาตรการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทั้งระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาวอย่างเร่งด่วนแล้ว