เมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่พรรคประชาธิปัตย์ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศงานดีเบต เพื่อหาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ ภายใต้ชื่องาน “ดีเบตประชาธิปัตย์ คนไทยจะได้อะไร” เป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีกองเชียร์ แม่ยก และกลุ่มคนที่ตามมาให้กำลังใจผู้สมัคร ซึ่งประกอบด้วย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้สมัคร หมายเลข 1 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ผู้สมัคร หมายเลข 2 และ นายอลงกรณ์
พลบุตร ผู้สมัครหมายเลข 3
การดีเบต เริ่มขึ้นเวลา 16.00 น. โดยทั้ง 3คน แสดงวิสัยทัศน์ผู้สมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ที่อยู่ภายใต้การนำของตนสามารถชนะเลือกตั้ง เราต้องเป็นคนกำหนดวาระ หรือถ้าในรัฐสภา ใครรวบรวมเสียงข้างมากได้ ควรเป็นรัฐบาล แต่ไม่ควรฝืนเจตนารมณ์ของประชาชน เงื่อนไขการร่วมรัฐบาลต้องอยู่ที่นโยบาย
นอกจากนี้ยังกล่าวด้วยว่า ถ้า ตน ได้เป็นนายกรัฐมนตรี สิ่งที่ต้องปัญหาความเหลื่อมล้ำ ต้องมุ่งไปเศรษฐกิจฐานรากที่จะทำให้เกิดผลดีแก่เศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ไม่ใช่แก้ด้วยประชานิยม
ส่วน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก ผู้สมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข 2 กล่าวว่า ถ้าตนเป็นผู้นำพรรคประชาธิปัตย์แล้วชนะเลือกตั้ง จะต้องกำหนดเกมเล่น จะไม่เล่นเกมที่มีคนกำหนดมาให้ว่าซ้ายหรือขวา โดยมีหลักว่าต้องเป็นคนที่ต้องการปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจัง ไม่เข้าข้างคนที่ใช้อำนาจโดยมิชอบ เคารพกฎหมายตามกระบวนการยุติธรรม และไม่ร่วมกับพรรคที่จาบจ้วงสถาบัน
ขณะที่นายอลงกรณ์ พลบุตร ผู้สมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข 3 กล่าวว่า จุดยืนทางการเมืองต้องชัดเจนทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง ถ้าเราชนะเป็นอันดับ 1 จัดตั้งรัฐบาลเองแน่นอน แต่ถ้าเราเป็นอันดับ 2 เราให้พรรคที่ได้คะแนนอันดับ 1 ตั้งรัฐบาลไปก่อน โดยบอกว่า ตน ไม่เอานายกฯคนนอก เพราะจะเป็นชนวนวิกฤตของชาติ และยืนยันว่าพร้อมเป็นฝ่ายค้านและรัฐบาล เพราะหัวใจสำคัญคือประโยชน์ของประเทศและประชาชน ประเทศเกิดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้หาก ตนเป็นรัฐบาล จะออกกฎหมายมาบังคับใช้ป้องกันการผูกขาด เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้ทั่วประเทศ ต้องแก้ปัญหาการผูกขาด สร้างเศรษฐกิจภูมิภาคเพื่อให้การลงทุนไม่มีการกระจุกตัว และไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำ เศรษฐกิจสีขาว เสรี เป็นธรรม และเสมอภาค
สำหรับการลงคะแนนเพื่อเลือกหัวหน้าพรรค จะเกิดขึ้นในต้นเดือน พ.ย.แบ่งเป็น วันที่ 1 – 3 พ.ย. ให้สมาชิกที่มีสิทธิ์ ลงคะแนนเลือกผ่านแอพพลิเคชั่น และมีลงคะแนนผ่านคูหาเลือกตั้ง โดยแบ่งเป็น วันที่ 1 พ.ย.ลงคะแนนพื้นที่ภาคเหนือ, ภาคกลาง และกทม. และ วันที่ 5 พ.ย.ลงคะแนนพื้นที่ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ