“จุรินทร์” หวั่นสูตรตั้งรัฐบาลใหม่ ดึงส.ว.ผนึกเสียงส.ส. ดันรบ.ได้เสียงข้างน้อยสั่นคลอน ฉุดเสถียรภาพบริหารประเทศ หลังฝ่ายค้านอาจคุมเสียงข้างมากเกิน 300 เก้าอี้
วันที่ 17 ธ.ค. ที่ห้องประชุมมหาวิทยาลัยธนบุรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวระหว่างการบรรยาย “ทิศทาง และแนวโน้มอุตสาหกรรมกับการลงทุน หลังการเลือกตั้ง 62” ร่วมกับคณาจารย์ นักศึกษาปริญญาตรีและปริญญาโทกว่า 300 คน ว่า โจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลหลังเลือกตั้งต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจฐานราก และปัญหาปากท้องของประชาชนตลอด 4 ปี เป็นที่มาที่ทำให้ประชาชนอยากเห็นการเลือกตั้ง ไม่ใช่เพราะจงเกลียดจงชังรัฐบาลนี้ แต่เพราะหวังว่าการเลือกตั้งจะได้รัฐบาลชุดใหม่ เพื่อทำให้หลุดพ้นจากความอดอยากได้ ถึงแม้ประเทศต้องการความสงบ แต่ความสงบอย่างเดียวไม่พอ ประชาชนต้องท้องอิ่มด้วย ส่วนสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองหลังเลือกตั้ง นอกจากขึ้นกับนโยบาย ศักยภาพและประสิทธิภาพในการบริหารประเทศของรัฐบาลใหม่แล้ว จะขึ้นกับปัจจัยสำคัญคือความเสถียรภาพของรัฐบาลด้วย
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ รัฐบาลหลังการเลือกตั้งจะมีเสถียรภาพได้ ต้องมี 2 ปัจจัยเกื้อหนุน 1.ความชอบธรรม โดยรัฐบาลจะมีความชอบธรรมได้ ต้องมาจากกระบวนการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม หรือกระบวนการเลือกตั้งที่มีความบริสุทธิ์ ยุติธรรม 2.รัฐบาลใหม่ต้องมีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร จะอาศัยแค่เสียงส.ว. ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) แต่งตั้งจำนวน 250 คน รวมกับเสียงส.ส.อีกแค่ 126 เป็น 376 เสียงย่อมไม่เพียงพอทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพได้ เพราะถึงแม้จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่เสียงในสภาฯแค่ 126 เสียงจะทำให้กลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยในสภาฯ เนื่องจากฝ่ายค้านจะมีเสียงถึง 374 เสียง ทำให้ไม่สามารถทำงานต่างๆได้อย่างราบรื่น โดยเฉพาะการพิจารณากฎหมายต่างๆ ดังนั้นเสถียรภาพของรัฐบาลหลังเลือกตั้ง จึงอยู่ที่ความชอบธรรมและเสียงข้างมากในสภาฯ ซึ่งจะส่งผลต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศโดยตรงด้วย