“ธนาธร” ร่วมเสวนา “87 ปี” เปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิ.ย.2475 ชี้กลุ่มอภิสิทธิ์ชนยังมีเสียงเหนือปชช. หนุนพลเมืองเข้มแข็ง ต่อต้านรัฐประหาร ปกป้องประชาธิปไตย
24 มิ.ย.62-ที่ห้องประชุมวิทยาลัยปกครองท้องถิ่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น จ.ขอนแก่น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค รวมถึง ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ร่วมกิจกรรมเสวนาหัวข้อ “24 มิถุนา วันประชาธิปไตย และการคืนอำนาจสู่ท้องถิ่น” โดยมีประชาชน นักเรียน นักศึกษาจำนวนมาก เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก
นายธนาธร กล่าวถึงความสำคัญของวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ซึ่งเป็นวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตยว่า วันที่ 24 มิถุนายน 2475 ถือเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับประชาชน เป็นพลเมืองที่เป็นเป้าหมายของการพัฒนา ในขณะเดียวกันก็เป็นทรัพยากรที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ ดังนั้นพลเมืองต้องเข้มแข็ง มีศักยภาพ หากแต่ตลอด 87 ปี ที่ผ่านมา การสถาปนาอำนาจของพลเมืองยังไม่จบ ยังมีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนที่มีสิทธิ์เสียงเหนือกว่าประชาชนพลเรือนคนอื่น ยังมีเรื่องสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ ยังถูกคุกคาม ถูกละเมิด เป็นผลจากการที่เราไม่ช่วยกันปกป้องการอภิวัฒน์ ดังนั้นหน้าที่พลเมืองที่สำคัญอย่างหนึ่งคือต่อต้านการรัฐประหาร และปกปกป้องประชาธิปไตย แต่เหมือนที่ผ่านมาเราหลงลืมกันไป
“อยากจะเชิญชวนให้ทุกคนกลับมาให้ความสำคัญกับวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ซึ่งเมื่อพูดอย่างนี้ ผมเองก็จะโดนคำกล่าวหา โดนใส่ร้ายป้ายสี เรื่องการสานต่อภารกิจที่ยังไม่สำเร็จของคณะราษฎร ขอยืนยันอีกครั้งว่า ภารกิจที่ยังทำไม่สำเร็จในวันนี้ และพรรคอนาคตใหม่จะสานต่อนั่นคือ การสร้างประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง ภารกิจ 2475 ไม่ใช่ล้มล้างสถาบันอย่างที่เราถูกใส่ร้าย เราเชื่อมั่นว่าสถาบันพระมหากษัตริย์จะมั่นคงสถาพร เมื่อประชาธิปไตยเข้มแข็ง วันนี้ เรายังมีความหวังในการสร้างประชาธิปไตยให้เกิดขึ้น เราเห็นผู้คนตื่นตัวทางการเมืองมากขึ้น มีการติดตามไลฟ์การประชุมสภาหลายล้านคน ผมคิดว่าการตื่นตัวมาถึงจุดที่พูดได้ว่าเราสนใจการเมืองที่เนื้อหานั่น เพราะอำนาจเป็นของเรา อยากให้ทุกท่านให้ความสำคัญกับ วันที่ 24 มิถุนายน 2475 ช่วยกันฟื้นฟูวัฒนธรรมอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน ร่วมกันสถาปนาระบอบประชาธิปไตยที่มั่นคง”นายธนาธร กล่าว
ด้านนายปิยบุตร กล่าวถึงบทบาทสำคัญของคณะราษฎร โดยเฉพาะการกระจายอำนาจที่สัมพันธ์ กับการปฏิวัติ 2475 ว่า คณะราษฎรที่ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ได้สถาปนาหลักการรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ โดยมีหลัก 6 ประการ ได้แก่ เอกราช ปลอดภัย เศรษฐกิจ เสมอภาค เสรีภาพ และการศึกษา คือภรากิจสำคัญที่จะดำเนินการ อย่างไรก็ตาม วันนี้ยังมี 3 เรื่องใหญ่ ที่เป็นหัวใจ เป็นหลักการสำคัญของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ที่ยังไม่ลงหลักปักฐานในประเทศ
1.หลักรัฐธรรมนูญนิยม เริ่มแพร่หลายหลังการปฏิวัติอเมริกา เป็นรัฐธรรมนูญลายลักษณ์อักษร ทีมีสาระสำคัญคือ การจำกัดอำนาจผู้ปกครอง ประชาชนเป็นผู้ก่อตั้ง เนื้อหาพูดถึงสถาบันการเมืองต่างๆ ภายใต้รัฐธรรมนูญ มีการแบ่งแยกอำนาจ การประกันสิทธิ์เสรีภาพประชาชน ทุกสถาบันการเมืองมีอำนาจได้เท่าที่รัฐธรรมนูญกำหนด รัฐไม่อาจละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน หลักการนี้ดำรงอยู่หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 แต่มาสะดุดหยุดลงหลังการรัฐประหาร 2490 และรัฐธรรมนูญถูกทำให้กลายมาเป็นเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจจนทุกวันนี้
2.หลักระบบรัฐสภาซึ่งเป็นสถานที่พูดคุยของผู้แทนราษฎร นายกรัฐมนตรีมาจากความเห็นชอบของรัฐสภา จากเสียงข้างมากในสภา และรัฐบาลก็อยู่ได้เพราะผู้แทนให้ความไว้วางใจ เราต้องทำให้ภาพลักษณ์ของระบบรัฐสภาดีขึ้น สร้างสรรค์ขึ้น เพราะที่ผ่านมา เราถูกทำให้มองว่าภาพลักษณ์นักการเมืองมีแต่การทะเลาะ เบาะแว้ง ความวุ่นวาย การรัฐประหารเกิดขึ้นเพราะนักการเมืองในสภานั้นไม่ได้เรื่อง เขาทำลายความชอบธรรมของนักการเมือง ทั้งที่เป็นอาชีพเดียวที่มีความเชื่อมโยงกับประชาชน เพราะมาจากการเลือกตั้งของประชาชน
3.หลักการกระจายอำนาจ คณะราษฎรเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้วมีการออกกฎหมายที่ให้ความสำคัญกับเรื่องท้องถิ่น นั่นคือ พ.ร.บ.เทศบาล 2476 ซึ่ง อ.ปรีดี พนมยงค์ เป็นผู้ผลักดัน เป็นต้นแบบเรื่องยุติการรวมศูนย์อำนาจ โดยให้คนท้องถิ่นเลือกผู้บริหารด้วยตนเอง แต่อย่างไรก็ตามก็ทำไม่สำเร็จ สุดท้ายถูกส่วนกลาง ถูกกระทรวงมหาดไทยดึงอำนาจกลับ เพิ่งจะมาเกิดขึ้นอีกครั้งหลังมีรัฐธรรมนูญ 2540 ซึ่งอำนาจอยูกับท้องถิ่นได้อีกสักพักก็ถูกดึงกลับอีก และคราวนี้เหมือนจะถอยหลัง โดยรัฐประหาร 2 ครั้งล่าสุด
“ขอย้ำอีกครั้งว่า อำนาจแต่เดิมนั้นอยู่ที่เรา เขาเอาไป ต้องยุติการรวมศูนย์อำนาจได้แล้ว พรรคอนาคตใหม่จึงใช้ชื่อนโยบายในการหาเสียงว่า ยุติระบบราชการรวมศูนย์ ที่ต้องการจะให้อำนาจคืนกลับไปอยู่ที่ท้องถิ่นจริงๆ ด้วยหลักการพื้นฐานที่ว่า 1.องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องมาจากการเลือกตั้ง 2.ท้องถิ่นมีอำนาจในการบริหารจัดการบริการสาธารณะในพื้นที่ 3.มีความเป็นอิสระในการบริหารจัดการงบประมาณ 4.มีบุคลากรท้องถิ่นเป็นของตัวเอง และ 5.ราชการส่วนกลางทำหน้าที่กำกับดูแลไม่ใช่การบังคับบัญชา”นายปิยบุตร กล่าว