เกิดเหตุคนร้ายบุกเดี่ยวใช้อาวุธปืนสงครามยิงใส่คุณยายวัย 73 ปี เสียชีวิตทันทีภายในบ้านแห่งหนึ่งที่ จ.พัทลุง ส่วนหลานสาวทอมบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งประเด็นชู้สาว
เจ้าหน้าที่กู้ภัยพัทลุงกำลังนำผู้บาดเจ็บขึ้นรถเข็นเพื่อนำส่งโรงพยาบาลพัทลุง หลังได้รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายบุกยิงในบ้านเลขที่ 103 ม.5 ต.เขาเจียก อ.เมืองพัทลุง จ.พัทลุง จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบศพ นางจัด ชูดำ อายุ 73 ปี บ้านเลขที่ 42 ม.5 ต.เขาเจียก อ.เมืองพัทลุง เสียชีวิตภายในบ้านที่เกิดเหตุ นอกจากนั้น ยังพบร่างของ น.ส.ปรวรรณ ชูดำ อายุ 20 ปี หลานสาวซึ่งเป็นสาวทอม บาดเจ็บสาหัสนอนจมกองเลือดจึงรีบนำส่งโรงพยาบาลดังกล่าว
จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเบื้องต้นทราบว่า บ้านหลังเกิดเหตุมี นางเสาวนิตย์ หนูรัตน์ อายุ 41 ปี เป็นเจ้าของบ้าน ก่อนเกิดเหตุ นางจัด ผู้เป็นแม่มานั่งดูหนังในบ้านกับหลาน ๆ ทันใดนั้นมีคนร้าย 1 คนเดินเข้ามาบริเวณหน้าบ้านพร้อมยิงปืนขู่ขึ้นฟ้าตะโกนเรียก นางเสาวนิตย์ เจ้าของบ้านซึ่งเป็นแม่ม่ายสาวแต่ นางเสาวนิตย์ ไม่ยอมออกมาจากบ้าน คนร้ายจึงใช้ด้ามปืนกระแทกกระจกหน้าต่างจนแตกกระจาย ทางด้าน นางจัด มารดาของ นางเสาวนิตย์ เห็นดังนั้นจึงได้ออกมาเปิดประตูพร้อมต่อว่าคนร้ายจึงถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่จำนวน 4 นัด เข้าบริเวณราวนม 1 นัด เอวด้านซ้าย 2 นัด และใต้สะดืออีก 1 นัด เสียชีวิตทันทีภายในบ้าน
ขณะเดียวกัน น.ส.ปรวรรณ บุตรสาวของ นางเสาวนิตย์ ออกมาพยายามห้ามปรามแต่กลับถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่ 3 นัด จนล้มลงนอนจมกองเลือดใกล้กับศพของผู้เป็นยายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากนั้นคนร้ายยังเดินบุกเข้าไปภายในบ้านเพื่อควาญหาตัว นางเสาวนิตย์ แต่ได้หลบหนีออกไปทางหลังบ้านก่อนหน้านี้ พร้อมโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้าตรวจสอบที่บ้านหลังดังกล่าว เมื่อตำรวจไปถึงคนร้ายได้หลบหนีไปแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยเพื่อนำผู้บาดเจ็บส่ง รพ.พัทลุง นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบปลอกกระสุน อาวุธปืนสงครามชนิดคาร์บิ้น จำนวน 11 ปลอกในที่เกิดเหตุจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ส่วนสาเหตุเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งประเด็นสอบสวนขัดแย้งเรื่องชู้สาวเนื่องจากนางสาวเสาวนิตย์ ฯ เป็นแม่หม้ายสาวที่หน้าตาดี และมีชายมาติดพันหลายคน แต่ไม่ทิ้งประเด็น เรื่องส่วนตัว ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจพอจะทราบตัวคนร้ายแล้ว กำลังติดตามตัวมาดำเนินคดีและสอบสวนถึงสาเหตุที่แน่ชัดอีกครั้ง