แก๊งเงินกู้นอกระบบตอนนี้เจ้าหน้าที่พยายามกวาดล้างอย่างต่อเนื่อง โดยที่ จ.อ่างทอง เจ้าหน้าที่ทหารตามจับกุมแก๊งหน้าแขกปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยโหดเครือข่าย “บังราเยล” หลังประชาชนร้องเรียนถูกข่มขู่กรรโชกหลายราย งานนี้เจ้าหน้าที่ทหารตามจับกุมได้ชนิดคาหนังคาเขา
เจ้าหน้าที่ทหารกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน จ.อ่างทอง นำกำลังเข้าจับกุม นายศิริราม อายุ 38 ปี และ บังเรส อายุ 27 ปี ชาวอินเดีย ระหว่างตระเวนเก็บเงินกู้นอกระบบภายในตลาดอ่างทอง พร้อมยึดเงินสดเกือบ 5 พันบาท และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง หลังมีประชาชนร้องเรียนผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ 1111 สำนักปลัดนายกรัฐมนตรี บอกว่า มีแก๊งเงินกู้ชาวอินเดียออกปล่อยเงินกู้นอกระบบภายในพื้นที่ จ.อ่างทอง และมีพฤติกรรมในการข่มขู่ลูกหนี้หากไม่มีเงินจ่าย โดยระหว่างเข้าจับกุม มีแก๊งเงินกู้นอกระบบชาวอินเดียอีกหลายรายไหวตัวทันขับรถหลบหนี
แม่ค้ารายหนึ่งเปิดเผยว่า แก๊งเงินกู้นอกระบบเหล่านี้ ปล่อยเงินกู้โดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 20 โดยปล่อยเงิน 5,000 บาท เก็บเป็นรายวันๆละ 200 บาท ทั้งหมด 30 วัน หากวันใดไม่มีเงินให้ก็จะข่มขู่กรรโชกจนหลายคนเกิดความหวาดกลัวเกรงว่าจะถูกทำร้าย บางรายก็ต้องหนีไปอยู่ที่อื่น
โดยหลังการจับกุม นายศิริราม และ บังเรส ทำทีเป็นพูดสื่อสารภาษาไทยไม่เข้าใจและอ้างว่าขายเสื้อผ้า ไม่ได้มาปล่อยเงินกู้แต่อย่างใด แต่ทางเจ้าหน้าที่ซึ่งแอบสังเกตพฤติกรรมของทั้งสองมาหลายครั้งแล้ว รวมถึงมีพยานยืนยันว่าทั้งคู่ปล่อยเงินกู้นอกระบบจริง จึงควบคุมตัวและนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอ่างทอง เพื่อดำเนินคดีในข้อหาลักลอบเข้าเมืองและปล่อยเงินกู้เกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ แก๊งเงินกู้ชาวอินเดียในพื้นที่ จ.อ่างทอง เป็นแก๊งเงินกู้นอกระบบเครือข่าย “บังราเยล” ซึ่งเพิ่งถูกจับกุมตัวและผลักดันกลับประเทศไปเมื่อไม่นานนี้ โดยทางเจ้าหน้าที่เตรียมขยายผลหาเครือข่ายแก๊งเงินกู้รายนี้ซึ่งทราบว่ามีเครือข่ายทั้งใน จ.อ่างทอง สุพรรณบุรี สิงห์บุรี และ จ.สระบุรี เพื่อจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป
จับแก๊งเงินกู้ดอกโหด 524 ราย นายทุนเบื้องหลัง
สำหรับการปราบปรามกวาดล้างปัญหาหนี้นอกระบบ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) บอกว่า ตั้งแต่ กันยายน 2560 – พฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมา สามารถจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับเงินกู้นอกระบบได้ 686 ราย ผู้ต้องหา 767 คน แบ่งเป็นกลุ่มผู้ติดตามทวงหนี้โดยวิธีการผิดกฎหมาย ได้ 162 ราย ผู้ต้องหา 182 คน และกลุ่มนายทุน ผู้สนับสนุน ได้ 524 ราย ผู้ต้องหา 585 คน พร้อมทั้งสามารถยึดของกลางบัญชีรายชื่อผู้กู้เงิน สัญญาเงินกู้ เงินสด สมุดบัญชีธนาคาร เครื่องคิดเลข กระเป๋าถือ อาวุธปืน ยาเสพติด และอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก