มาดูเรื่องของอาชญากรรมข้ามชาติ วันนี้รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวจับกุมเครือข่ายลักลอบส่งงาช้างแอฟริกาส่งไปรษณีย์ ให้เครือข่าย 3 จังหวัดแปรรูปเป็นเครื่องประดับ ก่อนนำกลับมาโพสต์ขายทางโซเซียลมีเดีย พร้อมของกลางงาช้างมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท
ของกลางงาช้าง 4 กิ่ง น้ำหนัก 20.39 กก. มูลค่าประมาณ 1 ล้านบาท เป็นของกลางที่เจ้าหน้าที่ศูนย์เฉพาะกิจปฏิบัติการปราบปรามการค้างาช้าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศงช.ตร.) พร้อมด้วยผู้แทนกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช, กรมศุลกากร ร่วมแถลงการจับกุมขบวนการลักลอบค้างาช้างข้ามชาติ
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากวันที่ 21 มีนาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรได้ตรวจยึดพัสดุไปรษณีย์ต้องสงสัยถูกส่งมาจากไปรษณีย์ สาขาพะวง จ.สงขลา ปลายทางที่ทำการไปรษณีย์ อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ จำนวน 3 กล่อง หลังมีการเปิดตรวจพิสูจน์ ปรากฏว่าภายในบรรจุงาช้าง 4 กิ่ง และเมื่อกรมอุทยานแห่งชาติฯ ตรวจพิสูจน์จนทราบว่าเป็นงาช้างจากทวีปแอฟริกา จึงสั่งการให้พนักงานสอบสวนขยายผลจับกุมผู้กระทำความผิด คือ นายเอกพล ชูดวง อายุ 33 ปี ชาว จ.สงขลา เป็นผู้จัดส่งงาช้างทั้งหมด โดยเจ้าหน้าที่ไปตรวจค้นที่บ้านพัก พบเศษงาช้าง เศษปลายงาช้าง เศษผงงาช้าง สิ่งประดิษฐ์ที่ทำจากงาช้าง และไม้พะยูงจำนวนมาก
จากการสอบสวนเบื้องต้น มีการลักลอบนำเข้างาช้างแอฟริกาผ่านทางด่านสะเดา จากนั้นจะนำจัดส่งทางไปรษณีย์จาก จ.สงขลา ไปยัง จ.นครสวรรค์ บุรีรัมย์ และ สุรินทร์ เพื่อแปรรูปเป็นเครื่องประดับ ก่อนส่งกลับไปให้ นายเอกพล ที่ถูกจับกุมใน จ.สงขลา เป็นผู้จำหน่ายผ่านทางโซเซียล โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนไทยที่นิยมและมีการสั่งซื้อ
นอกจากนี้ รอง ผบ.ตร. ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการขยายผลว่ามีกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่นิยมสะสมและสั่งซื้ออีกหรือไม่ อย่างไรก็ตาม จะมีการเชิญ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทางเทคโนโลยี หรือ “ปอท.” และไปรษณีย์ เพื่อบูรณาการติดตามขยายผลไปยังแหล่งต้นทางที่มีการลักลอบนำเข้างาช้าง ซึ่งเบื้องต้น ตำรวจดำเนินคดีกับผู้ต้องหา 1 รายแล้ว ส่วนอีก 3 รายที่มีรายชื่อเป็นผู้รับพัสดุ อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับงาช้างที่ตรวจยึดหรือไม่ และเตรียมออกหมายจับบุคคลที่ทำหน้าที่บงการจัดส่งงาช้างให้ นายเอกพล เพื่อส่งต่อไปยังเครือข่าย อีกทั้ง กรมอุทยานแห่งชาติฯ อยู่ระหว่างผลักดันกฎหมาย เกี่ยวกับการค้าสัตว์ป่าและซากสัตว์ป่าคุ้มครองและสัตว์ป่าสงวน ว่าด้วย การห้ามขายและโฆษณาทางออนไลน์ คาดว่าจะมีผลบังคับใช้เร็วๆ นี้