จี้จับขาใหญ่! เจ้าของร้านข้าวต้มเมืองนครปฐมควงลูกชายร้องสื่อ ถูกขาใหญ่ชักปืนยิงใส่ขาลูกชาย แต่กระโดดหลบทัน โดยทั้งคู่ยกมือไหว้ขอโทษ แต่ขาใหญ่ไม่จบ นำเพื่อนร่วมเตะเสยหน้าคาอ้อมอกแม่หลายครั้ง จนแขนหักข้อมือหลุด สุดผวาผ่านไป 2 เดือน ตำรวจไม่ขยับ ทั้งๆ ที่ขาใหญ่อยู่ระหว่างควบคุมความประพฤติหลังพ้นโทษคดียิงคนตาย อีกทั้งกล้องวงจรปิดในร้านจับภาพผู้ก่อเหตุทั้งหมดได้อย่างชัดเจน แต่คดีกลับเงียบกริบ
นี่คือภาพจากกล้องวงจรปิดภายในร้านข้าวต้มเจ๊ดี&เจ๊นัน ข้าวต้มโต้รุ่ง อาหารตามสั่ง หน้าตลาดคุณาวรรณ อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม บันทึกภาพขณะที่ลูกค้าที่เข้ามาสั่งอาหารชักปืนยิงใส่ และรุมเตะ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และได้แจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจภูธรกำแพงแสน โดยผ่านมานานกว่า 2 เดือน จนถึงทุกวันนี้ คดีไม่มีความคืบหน้า หวั่นจะได้รับอันตราย และถูกผู้ก่อเหตุกลับมาทำร้าย เนื่องจากคนก่อเหตุเป็นลูกชายคนมีฐานะ และยังเคยถูกต้องโทษในคดียิงคนตายมาแล้ว
โดยนางสุนันท์ อ่อนศิริ หรือเจ๊นัน ซึ่งเป็นเจ้าของร้านข้าวต้มดังกล่าว ได้เล่าถึงเหตุการณ์ระทึก ตามภาพในกล้องวงจรปิดว่า เมื่อเวลา 02.20 น. ของคืนวันที่ 16 สิงหาคม ที่ผ่านมา นายจักร (ไม่ทราบชื่อจริง) นามสกุล ศิลาประเสริฐ ซึ่งเป็นลูกค้าประจำได้มาทานอาหารที่ร้าน โดยมีนายพัศพงษ์ อู่ตะเภา หรือฉายา เอกชิน ขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์ สีบรอนซ์เงิน ตามมาจอดที่หน้าร้าน โดยมีลักษณะอาการคล้ายคนมึนเมามาแล้ว เมื่อมาถึงหน้าร้านก็ได้ชักปืนที่ติดตัวมาออกจากเอวขึ้นมาโชว์เพื่อน แต่แม็กกาซีนตกลงที่พื้น จากนั้นได้มานั่งร่วมโต๊ะกับเพื่อนที่หน้าร้าน รวม 4 คน ซึ่งทางเจ๊นัน ได้เดินมารับออร์เดอร์ก็ยังพูดจากันปกติ จากนั้นได้เดินกลับไปทำอาหาร 2 เมนูที่สั่งไว้
ขณะเดียวกันนายนันทวัฒน์ อ่อนศิริ หรือน้องเวย์ ซึ่งเป็นลูกชาย ได้เดินไปเสิร์ฟ และให้บริการที่โต๊ะ แต่ไม่นานก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ด้วยความตกใจจึงวิ่งเข้าไปดูและพบว่า นายพัศพงษ์ ได้ชักปืนขึ้นมาแล้วด่าลูกชายจึงได้วิ่งไปยกมือไหว้ และขอไม่ให้มีเรื่องกัน แต่เมื่อลูกชายนั่งลงกับพื้น นายพัศพงษ์ ตรงได้เข้าเตะที่ใบหน้าของลูกชาย ซึ่งตนเองได้พยายามดึงลูกชายเข้ามาในอ้อมกอดแล้ว แต่กลับมีเพื่อนในกลุ่ม 3 คนสลับกันเตะเข้าที่ใบหน้าลูก ทั้งๆ ที่ตนเองได้ พยายามตะโกนบอกว่า ลูกหนูเอง หลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล ซึ่งในขณะนั้นกลัวมากเพราะมี 3 ใน 4 คนนั้นพกปืนมาด้วย ไม่รู้ว่าใครจะชักปืนขึ้นยิงตนเองกับลูกชาย แต่เมื่อมาดูกล้องวงจรปิดก็ต้องตกใจ เพราะเห็นว่าช่วงที่มีเสียงปืนดัง เขาพยายามจะยิงไปที่ขาของลูกชาย แต่กระโดดหลบได้ทัน ก่อนจะรุมเตะลูกชายในอ้อมอกของตัวเอง โดยไม่สนว่าจะมีผู้หญิงเข้าไปร้องขอแล้ว
ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุ เจ๊นัน ได้โทรสอบ ถามคนชื่อจักร ที่เป็นเพื่อนของนายพัศพงษ์ ว่าจะแก้ปัญหากันอย่างไร เพราะไม่อยากขึ้นโรงขึ้นศาล แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับคำตอบ จึงได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดเข้าแจ้งความกับตำรวจภูธรกำแพงแสน ในวันที่ 18 สิงหาคม ซึ่งทางตำรวจได้ให้ไปตรวจร่างกาย โดยแพทย์สรุปว่า กระดูกแขนขวาของลูกชายได้หักเพิ่ม 1 จุด และข้อมือหลุด จะต้องผ่าตัดแก้หลายจุด ซึ่งตอนนี้ครอบครัวก็ลำบาก เนื่องจากลูกชายแขนทำงานไม่ถนัด เพราะเขาเป็นกำลังหลักในการช่วยงานในร้าน ตอนนี้ตนเองต้องทำทุกอย่างในร้าน เหนื่อยมาก และยังหวาดกลัวมากด้วย เพราะผ่านมากว่า 2 เดือน ตำรวจที่รับคดียังไม่มีการออกหมาย หรือเรียกตัวนายพัศพงษ์ มาดำเนินคดี และเท่าที่รู้ทราบว่าเป็นกลุ่มคนที่มีอิทธิพลในตัวเมืองนครปฐม ตนเองเกรงจะไม่ได้รับความปลอดภัย เพราะตำรวจยังเงียบ และทำให้คิดว่าอาจจะถูกยิงเหมือนกับหลายๆ คดีที่นายพัศพงษ์ เคยก่อเหตุไว้
ขณะที่ นายนันทวัฒน์ ผู้บาดเจ็บ ก็ยังหวาดระแวงเช่นกัน หลังจากที่ผ่นมา 2 เดือนแล้วคดียังไม่มีความคืบหน้า จึงอยากให้ตำรวจเร่งจับกุมตัวมาดำเนินคดี เพราะภาพในกล้องวงจรปิด พวกเขาพกปืนแบบไม่กลัวกฎหมาย ถ้าในคืนนั้นมีลูกค้านั่งอยู่ด้วยแล้วถูกลูกหลงขึ้นมา คงจะเป็นเรื่องใหญ่กว่านี้แน่ๆ