“ซิ่ง” ผู้ต้องหาหนีคดี ยิงคู่อริดับ 2 ศพ ย่านวัดเกาะ เขตสายใหม่ ที่ตำรวจตามล่า พบกลายเป็นศพเมื่อคืนแล้ว คาดฆ่าตัวตาย
เมื่อคื่นกลางดึกที่ผ่านมา สน.บางเขน รับแจ้งเหตุมีชายทำร้ายร่างกายตนเองและกระโดดลงไปในน้ำ บริเวณริมคลอง2 แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม. จึงเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสน.บางเขนและสน.สายไหม เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) แพทย์นิติเวช รพ.ภูมิพล และเจ้าหน้าที่กู้ภัยป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณริมคลองดังกล่าวพบชาวบ้านยืนจับกลุ่มพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางเดินริมคลองพบรอยเลือดหนดเป็นทางยาวประมาณ50 เมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้เชือกกั้นเพื่อกันผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าที่เกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยชุดประดาน้ำต้องดำน้ำหาร่างผู้เสียชีวิต เป็นเวลานาน1 ชั่วโมงจึงพบศพ ส่วนผู้เสียชีวิตทราบชื่อต่อมาคือนายเอกชัย หรือซิ่ง ยินดีวงษ์ อายุ 33 ปี สภาพศพส่วมกางเกงบอลขาสั้นสีดำเพียงตัวเดียว ตรวจสอบตามร่างกายพบบาดแผลถูกแทงบริเวณใต้ราวนมด้านซ้าย3 แห่ง แต่ไม่พบอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุ
พ.ต.อ.อำนาจ อินทรศวร ผกก.สน.บางเขน กล่าวว่าผู้ตายเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในข้อหา”ร่วมกันฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา” “ร่วมกันมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนอยู่ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” และ”พกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร” ซึ่งคดีดังกล่าวเกิดขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบของสน.สายไหม โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่28 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งผู้ต้องหาอยู่ระหว่างการหลบหนีคดี
พ.ต.อ.อำนาจ กล่าวอีกว่าจากการสอบสวน ร้อยตรีประพันธ์ ชื่นอารมย์ อายุ79ปี อดีตข้าราชการทหารอากาศ พ่อของผู้ตาย ทราบว่าก่อนเกิดเหตุพบผู้ตายวิ่งไปวิ่งมาบริเวณหน้าบ้านพร้อมตะโกนว่า”ผมจะมอบตัวกับตำรวจ ผมยอมมอบตัวแล้ว” ก่อนจะกระโดดลงไปในคลองและจมหายไป ตนจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าตรวจสอบจนพบเป็นศพดังกล่าว จึงคาดเบื้องต้นผู้ตายน่าจะเกิดอาการเครียดในเรื่องเกี่ยวกับคดีจึงก่อเหตุดังกล่าว หลังจากนี้ต้องแบกคดีออกเป็น2 ส่วน คือส่วนแรกทางสน.บางเขนจะรับทำคดีเกี่ยวกับผู้ตายทำร้ายร่างกายตัวเองจนเสียชีวิต และส่วนที่สองคือทางสน.สายไหม จะดูแลเรื่องคดีตามหมายจับดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ในขณะ พ.ต.ท.ประพจน์ อนุศิริ รองผกก.สส.สน.สายไหม ก็ได้เดินทางมาที่เกิดเหตุด้วยตนเอง หลังจากเมื่อวานนี้ได้แถลงข่าวร่วมกับ ผู้กำกับการ สน.สายไหม กรณีไปทำร้ายผู้ต้องหาร่วมคดี อย่างนายพงศธร หรือ เอ็ม พุ่มราตรี เพื่อให้รับสารภาพนั้น ว่าไม่เป็นความจริง
ขณะที่ผู้ต้องหาและครอบครัว ที่ออกมาขอต่อสู้คดีเนื่องจากนายเอ็มยังให้การปฏิเสธ ว่าไม่ได้นร่วมมือกับนายซิ่ง โดยให้เหตุผลว่าวันเกิดเหตุ นายซิ่งเมาถอยรถชนกระถางต้นไม้ ตัวเองจึงถอยรถให้ ก็กลายเป็นเป็นจังหวะเดียวกับภาพวงจรปิดบริเวณหน้าปากซอย จับภาพว่านายเอ็มขับรถของผู้ก่อเหตุ จึงกลายเป็นหลักฐานที่ทำให้ตัวเองถูกดำเนินคดีร่วม ซึ่งสิ่งที่จะสู้คดีหรือยืนยันความบริสูทธิของนายเอ็มได้นั้น ก็คือคำให้การของ ซิ่ง แต่กลับผมว่า ซิ่งชิงฆ่าตัวตายไปก่อน