จากกรณีของสาวประเภทสอง ผ่าตัดเสริมทรวงอกที่คลินิกแห่งหนึ่งในจังหวัดลำปาง แล้วเสียชีวิต ก่อนที่ พ่อแม่สาวประเภทสอง และผู้เสียหายจำนวนมากทยอยเดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดี โดยศาลได้ออกหมายจับ นายเบญ ล่าสุด ตำรวจเรียกเจ้าของคลินิกมาสอบเพิ่ม พร้อมตรวจสอบสมุดบัญชีธนาคารเส้นทางการเงิน และข้อมูลการใช้โทรศัพท์เพื่อสืบหานายเบญ พี่เขย ซึ่งอ้างตัวเป็นหมอดิวมาดำเนินคดี
นางสาวจันทร์จิรา ธิวงศ์เงิน เจ้าของดีไวน์ คลินิกเวชกรรม ได้เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับตำรวจภูธรเขลางค์นคร โดยนำสมุดบัญชีธนาคารต่างๆ ที่เกี่ยวกับคลินิกมามอบให้พนักงานสอบสวน ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน ได้เรียก นางสาวจันทร์จิรา มาในวันนี้นอกจากจะเอาบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องกับคลินิก มาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเส้นทางการเงินของคลินิก พร้อมทั้งตรวจหมายเลขโทรศัพท์ที่มีการโทรเข้าออก หลังเกิดเหตุการเสียชีวิตของสาวประเภทสองที่เข้าไปทำศัลยกรรมทรวงอกก่อนหน้านี้ เพื่อสืบหาความเชื่อมโยงว่า หลังเกิดเหตุมีการติดต่อกันอยู่หรือไม่ เพื่อพิจารณาการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับ นางสาวจันทร์จิรา
ขณะเดียวกัน มีผู้เสียหายหนุ่มชาวลำปาง วัย 17 ปี ได้เข้ามาแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน และเรียกร้องค่าเสียหายในราคา 8 พันบาท หลังจากเมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้ไปทำศัลยกรรมจมูกที่คลินิกดังกล่าว จนเกิดอาการคัน และมีตุ่มนูนบนสันจมูกคล้ายจะอักเสบ จึงได้ปรึกษาแพทย์ที่คลินิกอีกแห่งหนึ่ง เพื่อจะเอาซิลิโคนออก แต่มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 5 พันบาท จึงมาแจ้งความ เพื่อขอเงินคืน และเรียกร้องค่าเสียหายดังกล่าว
ด้าน นายคมสัน อมรพิชญ์ เภสัชกรชำนาญการ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปาง ได้เข้าพบ พันตำรวจเอก จิตตพล วงษ์วัน ผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรเขลางค์นคร เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เพื่อรายงานให้ผู้บังคับบัญชาและกระทรวงสาธารณสุขทราบ เบื้องต้นพบว่าคดีมีความคืบหน้าไปมากจนสามารถออกหมายจับหมอเถื่อนรายดังกล่าวได้แล้ว ส่วนจะแจ้งข้อหาเพิ่มกับผู้ที่มีชื่อเป็นเจ้าของเพิ่มอีกหรือไม่ ต้องรอผลการสอบสวนอีกครั้ง ทั้งนี้ ตำรวจจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้เดินทางเข้าพบ พันตำรวจเอก จิตตพล เพื่อขอสำเนาหมายจับและความคืบหน้าทางคดีเพื่อประสานความร่วมมือในการสืบสวนติดตามจับกุมหมอเถื่อนรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม ตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง ได้ส่งหมายจับจากศาลจังหวัดลำปางในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา” และภาพถ่ายใบหน้าของ นายธนัชพงษ์ จิตรธีรภิรมย์ หรือนายเบญ ไปให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมตั้งด่านตรวจ ทั้ง 13 อำเภอของจังหวัด เพื่อติดตามจับกุมตัวนายเบญ และป้องกันการหลบหนีออกนอกประเทศอีกด้วย