เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ควบคุมตัว ผู้ต้องหาไปขออนุญาตศาลจังหวัดกระบี่ฝากขังผัดแรกเป็นเวลา 12 วัน ส่วนเด็กหญิงผู้เสียหายสภาพจิตใจน่าเป็นห่วง ยังคงรักษาตัวที่โรงพยาบาล เผยอยู่ในอาการหวาดกลัวตลอดเวลา แพทย์ต้องคอยดูอย่างใกล้ชิด ขณะมารดาของเด็กเครียดและกังวลเรื่องความปลอดภัย
จากกรณีที่ นายกฤษฎา สีสุโพธิ์ หรือ “ทอง” อายุ 20 ปี ชาวบ้าน ม.2 ต.อ่าวลึกเหนือ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ผู้ต้องหาข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี กักขังหน่วงเหนี่ยวหรือใช้กำลังประทุษร้ายฯ หลังก่อเหตุแอบเข้าไปในห้องน้ำเด็กนักเรียนหญิงภายในโรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.อ่าวลึกเหนือ และลงมือข่มขืนกระทำชำเรา ด.ญ.เอ (นามสมมติ) นักเรียนชั้น ป.3 โรงเรียนดังกล่าว ขณะไปเข้าห้องน้ำจนสำเร็จความใคร่ ก่อนที่ครูในโรงเรียนจะมาพบและช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาลอ่าวลึก และแจ้งเจ้าหน้าที่จับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่บ้านพักผู้ต้องหาซึ่งอยู่ติดกับรั้วโรงเรียนในวันเดียวกัน เมื่อวันที่ 8 มี.ค. ที่ผ่านมา เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เกิดอารมณ์ทางเพศจึงวางแผนแอบปีนเข้าไปซ่อนตัวในห้องน้ำแล้วลงมือก่อเหตุดังกล่าว สร้างความสะเทือนใจแก่สังคมเป็นอย่างมากและรู้สึกเป็นห่วงความปลอดภัยของบุตรหลานนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด พ.ต.อ.ภาสกร สนธิกุล ผกก.สภ.อ่าวลึก และพนักงานสอบสวน สภ.อ่าวลึก ได้ควบคุมตัว นายกฤษฎา ออกจาก สภ.อ่าวลึก ไปขออนุญาตศาลจังหวัดกระบี่ เพื่อฝากขังผัดแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 10-21 มี.ค.60 โดยท้ายคำร้องได้มีการคัดค้านการให้ประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาขึ้นรถไปที่ศาลจังหวัดกระบี่ โดยผู้ต้องหามีสีหน้าเรียบเฉยและยิ้ม ไม่มีท่าทีกังวลแต่อย่างใด ขณะที่มารดาของผู้ต้องหาเสียใจและขอโทษในการกระทำของลูกชาย
นายกิตติ อินทรกุล พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.กระบี่ (พม.กระบี่) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ด.ญ.เอ ผู้เสียหายมีสภาพร่างกายย่ำแย่มาก ยังอยู่ระหว่างพักรักษาตัวที่ รพ.กระบี่ เบื้องต้นแพทย์ได้ทำการรักษาบาดแผลและให้ยาฆ่าเชื้อ ซึ่งอยู่ระหว่างรอผลการตรวจเลือดอีกครั้ง ส่วนสภาพจิตใจยังอยู่ในอาการหวาดกลัวและไม่ยอมพูดจากับใคร เจ้าหน้าที่จิตแพทย์ต้องเฝ้าดูแลเยียวยาอย่างใกล้ชิด ขณะที่มารดาของ ด.ญ.เอ ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ก็มีอาการเครียดตลอดเวลา อาศัยอยู่กับพ่อวัยชราและลูกสาวที่ตกเป็นเหยื่อ มีความกังวลในเรื่องของความปลอดภัย เพราะสามีออกไปทำงานต่างจังหวัด นาน ๆ ครั้งจึงจะกลับบ้าน และยังมีความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในครอบเพราะฐานะลำบาก สามีทำงานคนเดียวซึ่งได้ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลเพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุพบว่าบ้านพักผู้ต้องหาอยู่ติดกับโรงเรียนโดยไม่มีรั้วกั้นแต่อย่างใด ทราบว่าการเดินทางเข้าออกของผู้ต้องหานั้นผ่านโรงเรียนเป็นเส้นหลัก และช่วงก่อนเกิดเหตุผู้ต้องหาได้เสพยาบ้าด้วย จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มมาตรการดูแล โดยเฉพาะโรงเรียนที่อยู่ในชุมชนที่มีกลุ่มวัยรุ่นติดยาเสพติด