คดีข่มขืนสาวชาวไต้หวัน ยังหาบทสรุปไม่ได้ว่่ เป็นการขืนใจหรือสมยอมระหว่างกัน
วันนี้ (17 เม.ย.) ได้รับอนุญาติจากเจ้าของร้านนวดแผนไทย ย่านซอยสุขุมวิท 23 หลังเกิดคดีที่พนักงานนวดชาย ก่อเหตุข่มขืนลูกค้าที่เป็นสาวชาวไต้หวันที่มาใช้มาบริการ เมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา โดยสาวชาวไต้หวันได้เข้าแจ้งความไว้กับ สน.ทองหล่อ
บริเวณ 2 ชั้นของร้านนวดแห่งนี้ คือจุดที่นักท่องเที่ยวสาวชาวไต้หวันถูกกระทำอนาจารและข่มขืน โดยทีมข่าวได้ดูตามคำบอกเล่า เพื่อมาพิสูจน์ข้อเท็จจริง และสถานที่จริง สิ่งที่พบคือ ชั้น 2 ของร้าน ถูกกั้นเป็นห้องด้วยกระจกใสๆ มีที่นอนนวดติดพื้นประมาณ 6 คนเรียงกันอยู่ โดยแต่ละที่นอนจะห่างกันประมาณ 1 เมตร และจะมีผ้าม่านที่ติดบนราวกั้นอยู่เท่านั้น ซึ่งไม่ได้เป็นที่ลับตา หรือห้องปิดกั้นที่แน่นหนาแต่อย่างใด โดยทีมข่าวได้มีโอกาสเปิดม่านกั้นดูด้วย
…เป็นที่น่าสังเกตว่า หากจะมีกิจกรรมทางเพศ หรือกรณีข่มขืนเกิดขึ้นจริง ผู้เสียหายที่ถูกกระทำสามารถร้องตะโกน หรือขอความช่วยเหลือได้ทันที…
นอกจากนี้ การตกแต่งของร้านที่เป็นลักษณะครึ่งตึกครึ่งไม้ บันไดทางขึ้นชั้น 2 ก็ทำด้วยไม้ชั้น รวมไปถึงพื้นที่ของชั้น 2 ทั้งหมดปูด้วยพื้นไม้ ทำให้เกิดเสียงของพื้นไม้ เมื่อมีการขยับเขยือนก็จะได้ยินไปทั่ว ซึ่งผู้สื่อข่าวได้ทดลองเดินดูด้วย ลองไปฟัง เสียงดู
เพื่อนพนักงานนวดที่อยู่ในร้านวันเกิดเหตุ เล่าว่า ในวันนั้น(12 เม.ย.)ไม่ได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือแต่อย่างใด พนักทุกคนทำหน้าที่ของตนเองโดยไม่ได้สนใจ เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
ทั้งนี้มีข้อมูลยืนยันว่า ในวันที่เกิดเหตุ มีผู้มาใช้บริการประมาณ 10 คน อีกทั้งเรื่องเช่นนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นในร้าน โดยร้านเปิดกิจการมากว่า 20 ปี เพราะกิจการที่สืบทอดมารุ่นต่อรุ่น เจตนาหลักคือ นวดเพื่อรักษา ในราคาที่ถูก และยืนยันว่าไม่การค้าประเวณีตามที่มีการตั้งข้อสังเกต
นอกจากนี้ ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ใกล้เคียงรอบร้าน พบว่า มีร้านนวด 4-5 ร้านที่อยู่ติดกัน ภายในซอยสุขุมวิท 23 บางร้านมีพนักงานนวดสาวแต่งตัวสวยงามอยู่หน้าร้าน ซึ่งแตกต่างจากร้านนวดแผนไทยทั่วไป ที่จะมีชุดฟอร์ม จึงอาจมีการเหมารวมได้ว่า เป็นร้านนวดในลักษณะเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงของคดี แม้ผู้ต้องหาจะถูกตั้งไว้ 2 ข้อหาแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเองยอมรับว่า ยังมีข้อพิรุธและบ่งชี้ได้อย่างที่ชวนให้สงสัย โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า ถูกทำอนาจารหรือสมยอมกันแน่
ทั้งนี้ ในวันนี้ (17 เม.ย.) จะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือและอาจจะลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลและข้อเท็จจริง รายงานต้นสังกัดต่อไป โดยคดีนี้คงต้องจับตาและลุ้นกันอีกครั้งในวันที่ 18 เมษายน ที่เจ้าหน้าที่จะเรียกสอบปากคำของทั้ง 2 ฝ่าย ก่อนที่สาวไต้หวันจะเดินทางกลับประเทศ.