ความคืบหน้ากรณีทหารยิงเยาวชนนักกิจกรรมลาหู่วัย 17 ปี ล่าสุดเข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.นาหวาย จ.เชียงใหม่ แล้ว โดยแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาพร้อมสอบสวนเป็นคดีวิสามัญฆาตกรรม เผยไม่พบประวัติผู้ตายเกี่ยวข้องยาเสพติด
ความคืบหน้าเหตุการณ์ที่ ทหาร ฉก.ม. ประจำด่านตรวจบ้านรินหลวง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ วิสามัญฆาตกรรม นายชัยภูมิ ป่าแส อายุ 21 ปี เยาวชนนักกิจกรรมชาวลาหู่ เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ที่ผ่านมา
ล่าสุด พ.ต.อ.ชลเทพ ใหม่ไชย ผกก.สภ.นาหวาย อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ระบุว่า เมื่อวานนี้ (19 มีนาคม) ผู้บังคับบัญชาได้นำเจ้าหน้าที่ทหารที่เป็นผู้ยิง นายชัยภูมิ เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนที่ สภ.นาหวาย แล้ว โดยตำรวจได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พร้อมพิมพ์ลายนิ้วมือทำประวัติก่อนจะปล่อยตัวชั่วคราว
ส่วน นายพงศ์นัย แสงตะล้า อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาอีกรายที่ถูกจับกุมได้ให้การปฏิเสธไม่รู้เห็นกับยาบ้า 2,800 เม็ด ที่ซุกซ่อนอยู่ในกรองอากาศของรถยนต์ และไม่ได้เป็นเจ้าของรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า แจ๊ซ สีดำ หมายทะเบียน ขก 3774 เชียงใหม่ ที่ขับมา ซึ่งรถคันนี้เป็นรถของ นายชัยภูมิ ป่าแส ผู้เสียชีวิตที่ซื้อมาได้ประมาณ 1 ปีแต่ยังไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์ โดยในวันเกิดเหตุผู้ตายได้ขอให้ขับรถให้เท่านั้น
หลังจากสอบปากคำ นายพงศ์นัย แล้ว พนักงานสอบสวน สภ.นาหวาย ได้นำตัวไปฝากขังต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่แล้ว ส่วนบุคคลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในส่วนของครอบครัวผู้เสียหาย พนักงานสอบสวนเตรียมเรียกแม่ของผู้เสียชีวิตมาสอบสวนอีกครั้งหลังเสร็จงานฌาปนกิจแล้ว
พ.ต.อ.ชลเทพ ใหม่ไชย ผกก.สภ.นาหวาย กล่าวว่า จากการตรวจสอบประวัติของผู้ตายไม่พบมีประวัติถูกจับกุมหรือเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่ยอมรับว่าบ้านของผู้ตายอยู่ในพื้นที่ตะเข็บชายแดนที่มีความเคลื่อนไหวเรื่องยาเสพติด และที่ผ่านมาก็มีการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาเสพติดได้บ่อยครั้ง ขณะที่ นายพงศ์นัย มีภูมิลำเนาอยู่ใน ต.เชียงดาว ซึ่งอยู่นอกเขตรับผิดชอบของ สถานีตำรวจภูธรนาหวาย ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบประวัติได้ สำหรับการชันสูตรพลิกศพ หลังเกิดเหตุได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมาย โดยมีทั้งพนักงานสอบสวน แพทย์ และฝ่ายปกครอง ร่วมตรวจสอบเบื้องต้น ก่อนส่งไปชันสูตรที่แผนกนิติเวช รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ส่วนผลการชันสูตรต้องรออีกประมาณ 1 สัปดาห์
ผกก.สภ.นาหวาย ยังบอกอีกด้วย ว่า จุดตรวจบ้านรินหลวง อยู่ในพื้นที่ควบคุมด้านความมั่นคงเพราะอยู่ห่างจากชายแดนเพียง 8 กิโลเมตร ทำให้เป็นหน้าที่หลักของฝ่ายทหารในการตรวจค้นยาเสพติด อาวุธ และสิ่งผิดกฎหมาย แต่มีบางครั้งที่ทางตำรวจเข้าร่วมในการตรวจค้น ทั้งนี้ ยืนยันว่าทางตำรวจจะดำเนินคดีไปตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงที่ปรากฏ