ความคืบหน้าหลังจากเกิดเหตุอุกอาจกลางเมืองกาฬสินธุ์ เมื่อ 5 หนุ่มแก๊งค้ายาเสพติดขับรถปาดหน้ากระชากผมสาวเพื่อจับตัวเรียกค่าไถ่กว่า 3 แสนบาทหน้าจวนผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ เมื่อคืนวันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา แต่สุดท้ายก็ถูกจับกุมได้ 3 คน สารภาพอ้างว่าฝ่ายหญิงที่จับมาเรียกค่าไถ่ค้างค่ายาบ้า ทวงเท่าไรก็ไม่คืนสักที ส่วนอีก 2 คนยังหลบหนีทำให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมขออนุมัติหมายจับ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กล้องวงจรปิดหน้าจวนผู้ว่าฯ จ.กาฬสินธุ์ บันทึกภาพเอาไว้ได้ และเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัว 3 ผู้ต้องหาแก๊งอุ้มสาวเรียกค่าไถ่ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (12 ก.ค.61 เวลา 14.30 น.) พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและสายตรวจ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย คือ นายมานะศักดิ์ อุดมพันธ์ หรือ “เปรี้ยว” อายุ 23 ปี, นายสุรศักดิ์ จันทร์เพ็ง หรือ “แป๋ม” อายุ 20 ปี และ นายธนารัตน์ ภูโชคชัย หรือ “โชค” อายุ 23 ปี ซึ่งเป็น 3 ใน 5 คนที่ร่วมกันก่อเหตุขับรถปาดหน้า น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 26 ปี ก่อนที่จะลงไปฉุดกระชากผมแล้วอุ้มตัวไปกักขังไว้เพื่อเรียกค่าไถ่จำนวน 3500,000 บาท ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพและชี้จุดเกิดเหตุบริเวนร้านข้าวต้มแห่งหนึ่ง ถ.กุดยางสามัคคี เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ขับรถมาจอดรอดักเหยื่ออยู่ที่หน้าร้าน ก่อนที่จะขับรถไล่ตามไปยังถนนสายต่าง ๆ
จนถึงถนนข้างโรงแรมสุภัคโฮเต็ล หน้าจวนผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นจุดที่มีการขับรถเก๋งเชฟโรเลต ปาดหน้ารถเก๋งโตโยต้า ของ น.ส.เอ ซึ่งมากับเพื่อนชายอีก 2 คน และนั่งอยู่เบาะข้างคนขับ ก่อนที่จะมีชาย 2 คนสวมเสื้อสีแดง คนหนึ่งถือมีดยาวประมาณ 1 ฟุตลงทำทำร้ายเหยื่อและกระโดดถีบกระจกรถ จากนั้นมีชายอีก 2 คนขับรถกระบะอีซูซุ สีแดง 4 ประตู ขับตามมาสมทบก่อนที่จะมีชายคนหนึ่งเดินมาเปิดประตูรถและกระชากผม น.ส.เอ แล้วลากไปขึ้นรถกระบะ ซึ่งจุดนี้มีภาพวงจรปิดของโรงแรมสามารถบันทึกบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้และมีพลเมืองดีถ่ายคลิปไว้ได้อีกด้วย
จากนั้นเจ้าหน้าที่นำตัวทั้ง 3 คนไปทำแผนต่อที่โกดังร้างแห่งหนึ่งข้างถนนทางไป อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ต้องหานำตัว น.ส.เอ มาขังไว้ในห้องน้ำมัดเท้าไว้ ก่อนที่จะโทรศัพท์ไปหาญาติ ๆ ของ น.ส.เอ เพื่อให้นำเงินจำนวน 350,000 บาท ซึ่งผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นค่าที่ น.ส.เอ ค้างค่ายาเสพติดมาไถ่ตัว แต่ในช่วงเช้ามืด น.ส.เอ อาศัยจังหวะที่ผู้ต้องหาเผลอและกำลังดื่มสุราหลบหนีออกมาได้ก่อนที่จะเข้าแจ้งความกับตำรวจและจับกุม 3 หนุ่มดังกล่าวมาดำเนินคดีเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (11 ก.ค.61)
พ.ต.อ.รัชพล เสริมศรัณย์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองกาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน โดยเฉพาะกล้องวงจรปิดที่สามารถจับภาพกลุ่มคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุได้อย่างชัดเจน ซึ่งจับกุมผู้ต้องหาแล้ว 3 ราย สารภาพว่าร่วมกันลงมืออุ้ม น.ส.เอ จริง โดยอ้างว่า น.ส.เอ ติดค้างค่ายาเสพติดจำนวน 350,000 บาท ของเพื่อนที่กำลังหลบหนีจึงต้องเอาตัวมาให้ได้เพื่อนำตัวโทรศัพท์ไปเรียกค่าไถ่จากญาติ ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมทั้งส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ติดตามตัวคนร้ายอีก 2 คนอย่างกระชั้นชิดแล้ว คือ นายแซม และ นายมี่ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาทั้ง 3 คน ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว และการเรียกค่าไถ่นั้นกำลังรวมรวบพยานหลักฐานและเตรียมที่จะแจ้งข้อหาพยายามเรียกค่าไถ่เพิ่ม เชื่อว่า ผู้ก่อเหตุที่ยังหลบหนีอีก 2 คนยังอยู่ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ และหากศาลอนุมัติออกหมายจับแล้วก็จะดำเนินการออกทำการติดตามตัวมาดำเนินคดีทันที
ขณะที่ นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า เท่าที่ดูจากพฤติกรรมและการสืบสวนเชิงลึกนั้นต้องทำกันเป็นขบวนการ มีการวางแผนเตรียมที่จะก่อเหตุมาเป็นอย่างดี เพื่อที่จะมาอุ้มเอาตัวหญิงสาวนำตัวไปทวงเงินที่ติดค้างค่ายาเสพติด แต่ช่วงเวลานั้นหญิงสาวน่าจะไม่มีเงินให้จึงนำตัวไปกักขังแล้วโทรศัพท์เรียกค่าไถ่จากญาติ และกลุ่มคนร้ายอยู่ในเป้าหมายที่มีส่วนพัวพันกับยาเสพติดตาม “ยุทธการฟ้าแดดสงยาง” ซึ่งจากการตรวจปัสสาวะก็พบมีสีม่วงแต่ไม่ใช่ตัวการใหญ่ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งติดตามตัวเครือข่ายค้ายาเสพติดตัวการใหญ่ให้ได้ พร้อมเดินหน้ากวาดล้างยาเสพติดอย่างเข้มข้นเหมือนเดิม