หลังจากที่เมื่อวานนี้ (7 ก.ย.61) ตำรวจสอบเค้นทุกคนที่อยู่ร่วมบ้านกับ “น้องโมเม” สาวพาณิชย์ วัย 19 ปี ที่ถูกฆาตกรรมภายในบ้านพักของเธอเอง วันนี้ได้ตัวคนร้ายแล้ว เป็นเพื่อนชายคนสนิทของแม่ของ “น้องโมเม” นั่นเอง
วันนี้ (8 ก.ย.61) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 8 รวมทั้งตำรวจ สน.ตลาดพลู ได้ควบคุมตัว นายทศพล พรหมชาติ หรือ “นายแทน” อายุ 34 ปี พ่อเลี้ยงของ “น้องโมเม” นักเรียนสาวพาณิชย์แห่งหนึ่งย่านฝั่งธนบุรี อายุ 19 ปี ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยจำนนต่อหลักฐาน ที่ตำรวจสืบจากพยานแวดล้อม หลังฆ่าเปลือย “น้องโมเม” ในห้องพัก ซ.เทอดไท 23 แขวงตลาดพลู เมื่อวานนี้ โดยหลบสื่อไปทำแผนกันตั้งแต่เช้าตรู่ ซึ่งขณะที่ทำแผนอยู่นั้น ชาวบ้านแถวนั้นก็กรูที่จะเข้าทำร้ายพ่อเลี้ยงชั่วรายนี้ จนทางเจ้าหน้าที่ต้องรีบกันตัวนำขึ้นรถ
สำหรับ “นายแทน” มีความสัมพันธ์เป็นพ่อเลี้ยงของ “น้องโมเม” เคยมาพักที่บ้านหลังนี้พร้อมกับแม่ และได้แอบทำกุญแจสำรองไว้ ซึ่งชุดคลี่คลายคดีได้ตรวจสอบพบภาพกล้องวงจรปิดในละเเวกจุดเกิดเหตุ สามารถบันทึกภาพ “นายแทน” ไปวนเวียนอยู่ใกล้บ้านที่เกิดเหตุในช่วงเวลา 01.00-03.00 น. ของวันเกิดเหตุ จึงได้ไปติดตามตัว กระทั่งสามารถจับกุมตัวได้ที่ย่านสยามสแควร์ช่วงค่ำที่ผ่านมา และนำมาสวบสวนที่ สน.ตลาดพลู ก่อนให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง ซึ่งก่อนเกิดเหตุเสพยาไอซ์และดื่มเบียร์จนเมามายได้ที่ ก็ขับรถกระบะมิตซูบิชิ ไทรทันพลัส สีดำ ทะเบียน 2 ฒฆ 3700 กรุงเทพมหานคร ไปจอดหน้าปาก ซ.เทอดไทย 22 ในช่วงเวลาประมาณ 01.30 น. ของวันที่ 7 ก.ย. จากนั้นเดินเท้าเข้าไปที่บ้านหลังเกิดเหตุก่อนใช้กุญแจไขเข้าไปแล้วเดินขึ้นไปบนห้องนอนลูกเลี้ยงบริเวณชั้น 3 ยืนยันว่ายังไม่ได้ข่มขืนผู้ตายเพราะผู้ตายต่อสู้ขัดขืนจึงต้องฆ่ารัดคอ จากนั้นจึงหยิบผ้าขนหนูในห้องผู้ตายคลุมศีรษะเดินออกจากบ้านที่เกิดเหตุมาเมื่อเวลา 03.00 น. ของวันเดียวกัน
จากการแนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่า หลังจากนั้น นายทศพล ก็ขับรถกลับไปที่ห้องพักย่านลาดพร้าว เพื่อกลับไปหา นางมะปรางค์ ตรีกุล อายุ 40 ปี แม่ของผู้ตาย และลูกน้อยที่เพศชาย วัย 5 เดือน ที่เกิดจากตัวเองตามปกติ โดยไปถึงห้องประมาณ 06.00 น. ก่อนอาบน้ำแต่งตัวแล้วขับรถไปทำงานต่อที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านปทุมวัน โดยปัจจุบัน นายทศพล ทำงานเป็นช่างอยู่ที่โรงแรงแห่งนั้น โดยตลอดทั้งวัน นายทศพล ได้พยายามติดต่อหาเพื่อนสนิทที่ จ.กาญจนบุรี บ้านเกิดเพื่อให้ช่วยตระเตรียมเส้นทางหลบหนี ทว่าช้ากว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล ที่สามารถแกะรอยติดตามไปเชิญตัวมาสอบสวนได้หลังพบศพผู้ตายเพียงไม่กี่ชั่วโมง กระทั่ง นายทศพล ถูกสอบเค้นจนยอมรับสารภาพออกมาเองในที่สุด
เบื้องต้นชุดจับกุมจึงคุมตัว นายทศพล ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในช่วงเช้าตรู่ที่ผ่านมาเพื่อป้องกันญาติพี่น้องผู้ตายรุมทำร้าย ก่อนแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อนกับข้อหาเสพไอซ์ แก่ นายทศพล จากนั้นพาตัวไปขอหมายขังจากการใช้วิธีติดตามตัวผู้ก่อเหตุแบบทันทีทันใดที่ศาลอาญาธนบุรี ส่วนข้อหาที่เกี่ยวกับการคุกคามทางเพศนั้นต้องรอผลตรวจจากแพทย์ที่จะส่งมายืนยันพร้อมดีเอ็นเอจากบาดแผลรอบข่วนที่แขนซ้าย ของ นายทศพล ด้วย หากพบว่ามีการล่วงละเมิดทางเพศผู้ตายก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกันต่อไป.
ขณะที่แม่ของผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นภรรยาของผู้ต้องสงสัย ได้เดินทางมาที่ สน.ตลาดพลู เพื่อให้คำเพิ่มเติม โดยระบุว่า ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในฐานะแม่ที่สูญเสียลูก และในฐานะภรรยา จากการสอบถามสามีระบุว่า เพียงขึ้นตักเตือนลูกเลี้ยงบนห้องที่เปิดไฟ และหน้าต่างทิ้งไป จนเกิดปากเสียงทำให้บันดาลโทสะบีบคอผู้ตายจนเสียชีวิต ซึ่งตนก็ยังไม่ได้ปักใจเชื่อเพราะจากพฤติกรรมที่เดินทางมาจากห้องพักย่านลาดพร้าวมาถึงที่เกิดเหตุมีลักษณะคล้ายการวางแผนล่วงหน้า แม้สามีจะอ้างว่าแค่นำของมาเก็บก็ตาม / เหตุที่ไม่ปักใจเชื่อเนื่องจากประมาณ 1 ปีที่แล้ว ลูกสาวมาบอกว่าพ่อเลี้ยงมาจับแขนลักษณะลวนลาม แต่ในตอนนั้นก็ยังไม่มั่นใจแต่ก็กลัวจะมีปัญหากันจึงตัดสินใจย้ายออกไปอยู่ห้องพักย่านลาดพร้าว ในตอนนี้ยังไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะตนเองอยู่กินกับสามีมานานถึง 7 ปี และมีลูกด้วยกัน 1 คน อายุ 4 เดือน จึงอยากขอฟังความจริงจากปากของสามีถึงเหตุผลที่ต้องฆ่าลูกสาว
ย้อนไปเมื่อวานนี้ (7 ก.ย.) ตำรวจเรียกสอบทุกคนที่อยู่ในบ้าน นายพันธ์ปิติ เจริญลาภ อายุ 19 ปี หรือ “พีท” แฟนหนุ่มของผู้เสียชีวิตซึ่งก็อยู่ด้วยกันในบ้านหลังนั้นกับ “น้องโมเม” ตลอดเวลาขณะที่กำลังรอให้ปากคำ สีหน้าของพีทก็หมือนกับพยายามจะกลั้นน้ำตาอยู่ตลอดเวลา เขาเล่าถึงการพบกันครั้งสุดท้ายที่ “น้องโมเม” ยังมีลมหายใจอยู่ คือ เมื่อวันที่ (6 ก.ย.) เวลาประมาณ 4 ทุ่ม พีทไปรับ “น้องโมเม” จากร้านสเต็กที่เธอทำงานอยู่แล้วพากลับมาส่งบ้าน จากนั้นก็บอกให้ “น้องโมเม” ไปอาบน้ำเดี๋ยวจะพาไปทำรายงาน ระหว่างนั้นตนก็ไปทำธุระของตัวเอง เมื่อตนกลับมาจากทำธุระ “น้องโมเม” ก็บอกว่าเหนื่อยและอยากนอนพัก ตนจึงกอดลาและออกไปทำรายงานคนเดียว จนกระทั่งกลับมาอีกครั้งในเวลาประมาณ 6 โมงเช้าเพื่อจะปลุก “น้องโมเม” ไปเรียนก็พบว่าเสียชีวิตแล้ว โดยสภาพร่างมีใบหน้าช้ำคล้ายถูกชกและไม่มีร่องรอยคนร้ายทิ้งไว้ ตอนนั้นตนเองรู้สึกช็อกมาก