เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 28 พ.ย.61 ที่ สภ.บางศรีเมือง จ.นนทบุรี พ.ต.อ.วันชัย ชูจิตร ผกก.สภ.บางศรีเมือง พ.ต.ท.ธรรศกร ก้อนทอง รอง ผกก.สภ.บางศรีเมือง ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ฉัตรชัย ยิ่งชล สว.สส.และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บางศรีเมือง ร่วมกันจับกุมตัว นายมนัส หรือกบ พงษ์ไพบูลย์ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64 หมู่ 2 ต.เขาดิน อ.เก้าเลี้ยว จ.นครสวรรค์ พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือ , หูฟัง บูทูธ จับกุมได้ที่ หน้าอพาร์ทเม้นท์ลีฟแอนด์รอช แขวงบางแค เขตบางแค กทม. โดยกล่าวหาว่าลักทรัพย์ผู้อื่นในเวลากลางคืน หรือรับของโจร
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 ส.ค.61 เวลา 16.35 น. นายพันศักดิ์ สุทัศน์ อายุ 62 ปี มีอาชีพค้าขายทองคำ อยู่บ้านเลขที่ 412 ซอยลาดพร้าว 47 แขวงสะพาน2 เขตวังทองหลาง กทม. ได้มาแจ้งความที่ สภ.บางศรีเมือง ว่าถูกชายไม่ทราบชื่อลักทรัพย์สินไปหลายรายการ คือสร้อยคอทองคำหนัก 5 บาทพร้อมพระเลี่ยมทองมูลค่า 100,000 บาท , สร้อยคอทองคำหนัก 3 บาทพร้อมพระเลี่ยมทองมูลค่า 100,000 บาท , สร้อยคอทองคำหนัก 4 บาทพร้อมพระเลี่ยมทองมูลค่า 100,000 บาท , เลสข้อมือทองคำหนัก 3 บาท มูลค่า 60,000 บาท , นาฬิกาโรเล็กซ์ฝั่งเพชร มูลค่า100,000 บาท , เข็มขัดหนังหัวทองคำหนัก 2 บาท มูลค่า 40,000 บาท , แหวนเพชร มูลค่า 60,000 บาท , แหวนทองคำ มูลค่า 30,000 บาท , โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง มูลค่า 59,000 บาท , ทองคำแท่งแท่งละ 10 บาทจำนวน 2 แท่ง มูลค่า 400,000 บาท รวมทรัพย์สินมูลค่า 1,089,000 บาท เหตุเกิดที่ปั๊มน้ำมันบางจาก ถนนรัตนาธิเบศร์ ต.ไทรม้า อ.เมือง จ.นนทบุรี
เมื่อวันที่ 23 ส.ค.61 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้สืบทราบว่าโทรศัพท์ของกลางได้ถูกใช้งานอยู่ที่ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง แขวงอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กทม. จึงได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ พบ น.ส.ทิพย์ (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี พนักงานในร้าน เป็นผู้ใช้โทรศัพท์เครื่องดังกล่าว จากการสอบถามทราบว่า นายกบ ไม่ทราบนามสกุล เป็นลูกค้าประจำที่ร้านได้ให้โทรศัพท์ของกลางแก่ น.ส.ทิพย์ หลังจากนั้นได้สืบทราบชื่อและนามสกุลจริง ของผู้ต้องหา จึงได้ตรวจสอบแหล่งที่พักอาศัยและทำการซุ้มที่สถานที่จับกุมตัว จนพบผู้ต้องหาและได้แสดงตัวจับกุม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง
จากการสอบสวน นายมนัส หรือกบ พงษ์ไพบูลย์ ผู้ต้องหา ทราบว่า พบกับผู้เสียหายที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งที่ ห้างค้าปลีก สาขาติวานนท์ และได้ชวนพูดคุยตีสนิทเรื่องเพลงเก่า จึงได้ชวนกันไปร้องเพลงที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ตรงเชิงสะพานพระนั่งเกล้า จากนั้นได้พยายามชวนให้ผู้เสียดื่มเบียร์และทานอาหาร จนกระทั่งมีการชวนกันไปร้องเพลงต่อที่ร้านอาหารอีกหนึ่งแห่ง จากนั้นผู้เสียหายเกิดหลับระหว่างทางตนจึงได้ที่แวะปั๊มน้ำมัน ถนนรัตนาธิเบศร์ ต.ไทรม้า อ.เมือง จ.นนทบุรี และได้ขโมยเอาทรัพย์สินไปทั้งหมด และนำทรัพย์สินไปขายเป็นเงินเล่นการพนันที่ประเทศกัมพูชาเหลือแค่โทรศัพท์กับบลูทูธ
ด้านผู้เสียหาย นายพันศักดิ์ สุทัศน์ อายุ 62 ปี มีอาชีพค้าขายทองคำ เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุตนได้เจอผู้ต้องหาโดยทีเพื่อนคนหนึ่งแนะนำมาให้รู้จัก เนื่องจากผู้ต้องหาอ้างว่าชอบเพลงเก่า โดยมาเจอกันที่ร้านกาแฟในห้างค้าปลีกแห่งหนึ่ง และได้มีการชวนกันไปทานอาหารที่ร้านอีกแห่ง ผู้ต้องหาพยายามให้ตนดื่มเบียร์ และให้ตนทานอาหาร หลังจากนั้นเริ่มรู้สึกมึนๆ สะลึมสะลือ จนผู้ต้องหาชวนให้ไปร้องเพลงต่ออีกแห่งหนึ่งแถว ต.ท่าอิฐ จากนั้นตนก็ไม่รู้สึกตัวอะไรอีก จนกระทั่งมาตื่นที่ปั๊มน้ำมันดังกล่าวพบว่าทรัพย์สินหายไปหลายรายการ สร้อยคอทองคำ ทองคำแท่ง นาฬิกาหรู มูลค่ารวมประมาณล้านกว่าบาท เรื่องนี้ก็เป็นอุทาหรณ์อย่างดีว่าอย่าไว้ใจทางอย่าวางใจคน แม้แต่คนใกล้ชิดหรือเพื่อนที่รู้จักกัน เพราะปัญหาเศรษฐกิจด้วย
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสืบสวน เพื่อเตรียมส่งฝากขังศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อดำเนินคดีต่อไป