น้องชายกานต์ รับเสพจริงแฉโยง “แก๊งเน็ตไอดอลคนดัง” หลัง ปส.บุกรวบน้องชายอดีตภรรยา ‘เสก โลโซ’ คาบ้านพักย่านนนทบุรี ตามหมายจับผู้ค้ายาเสพติดรายย่อย
เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส. บุกจับนายเดชอุดม แสงสายทิม น้องชายของ น.ส.วิภากร ศุขพิมาย หรือกานต์ อดีตภรรยาเสก โลโซ คาบ้านพักย่านนนทบุรี ในช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา เมื่อไปถึงห้องของนายเดชอุดม เจ้าหน้าที่ก็เรียกให้ออกมานายเดชอุดมออกมา แต่ไม่ยอมเปิดประตู เจ้าหน้าที่จึงพังประตู เข้าไปภายในห้องพบว่านายเดชอุดม ได้เดินออกมาจากห้องน้ำ พบซองพลาสติกลอยขึ้นมาจากโถชักโครก และพบตาชั่งและอุปกรณ์การเสพ ซึ่งนายอุดมเดช ก็พยายามถามหาหมายศาลว่า เกิดอะไรขึ้น สุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็อ่านหมายศาลให้ฟัง
ซึ่งนายเดชอุดม มีหมายจับบข้อหา จำหน่ายและครอบครองยาเสพติด เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ที่ผ่านมา สือเนื่องจากการขยายผลซัดทอดจากผู้ต้องหาคดียาเสพติด ให้การว่า ซื้อยาไอซ์ มาจากนายเดชอุดม ซึ่งตัวผู้ต้องหามีพฤติกรรมเปลี่ยนที่อยู่อาศัยและเบอร์โทรศัพท์อยู่บ่อยครั้ง จึงเข้าจับกุมในวันนี้ และนำตัวมาสอบสวนที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ขณะที่ นายอุดมเดช ปฏิเสธไม่รู้อย่างเดียว
หลังการสอบสวน พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. เปิดเผยว่า นายเดชอุดม มีพฤติกรรมที่พักอาศัยไม่เป็นหลักเป็นแห่ง เพราะมีหนี้สินเยอะ นอกจากนี้ยังทราบว่า นายเดชอุดม เป็นผู้ค้ารายย่อย เกี่ยวพันกับหลายแก๊ง เช่น แก๊งเก่งลายพราง และมีกลุ่มวัยรุ่นที่เป็นผู้ที่พยายามจะชวนกันต่อยมวยด้วย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งจะขยายผลและทำการจับกุมทั้งหมด
จากการสอบปากคำของ นายเดชอุดม ให้การเป็นประโยชน์ และยอมรับว่า เป็นเพียงผู้เสพยาเท่านั้น โดยปฏิเสธว่าเป็นผู้จำหน่าย นอกจากนี้ยังไม่มีการระบุว่ามีการซัดทอดถึงกานต์ และเสก โลโซ แต่อย่างใด ขณะนี้ทางญาติของ นายเดชอุดม ก็ได้ติดต่อมาขอประกันตัวแล้ว ซึ่งก็มีสิทธิ์ยื่นประกันตัว ตามสิทธิ์ของกฎหมาย เนื่องจากนายเดชอุดม เป็นเพียงผู้จำหน่ายรายย่อย ไม่ใช่ผู้ค้า
ส่วนพี่สาวกานต์ วิภากร อดีตภรรยา “เสก โลโซ” ออกมาโพสต์ภาพ 3 คนพี่น้องของตนเอง ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวและอินสตาแกรม @wiphakorn15 ระบุว่า จะดีจะชั่วก็เป็นน้อง พร้อมทั้งส่งข้อความต่อถึงบุคคลปริศนาว่าน้องชายของอีกฝ่ายก็เสพยา จะให้แจ้งเบาะแสหรือไม่
อย่างไรก็ตาม น.ส.วิภากร หรือ “กานต์” ได้เปิดเผยเพียงสั้น ๆ ว่า ยังไม่ได้คุยกับน้องชาย และไม่ทราบถึงรายละเอียดการจับกุม แต่ได้มอบหมายให้ทนายความไปดูแลแล้ว