พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ “บิ๊กโจ๊ก” รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ลงพื้นที่เกาะเต่าคลี่คลายคดีแหม่มสาวชาวอังกฤษถูกข่มขืน เผยอยากให้ผู้เสียหายมาแสดงตัวและนำหลักฐานต่าง ๆ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย
วันนี้ (28 ส.ค.61) พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตำรวจภูธรเกาะเต่าและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เดินทางเข้าตรวจสอบ บริเวณหาดทรายรี บนเกาะเต่า ซึ่งเป็นจุดที่แหม่มสาวชาวอังกฤษ อ้างว่าถูกมอมยาและข่มขืน วันที่ 25 มิ.ย. ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพยานหลักฐานทั้งหมด ในขณะนี้ยังไม่พบเหตุการมอมยาและการข่มขืนตามที่ น.ส.อิซาเบล วิคตอเรีย แบคเตอร์ กล่าวอ้างแต่อย่างใด แต่อย่างใดก็ตามหากมีเหตุเกิดขึ้นจริง ก็อยากให้ผู้เสียหายเดินทางกลับมาประเทศไทยเพื่อแจ้งความดำเนินคดี พร้อมทั้งนำหลักฐานที่มี ไม่ว่าจะเป็นคราบอสุจิที่ติดอยู่กับเสื้อวันที่เกิดเหตุ มาให้กับทางเจ้สหน้าที่ตำรวจ ก็จะดำเนินการอย่างเต็มที่
ด้าน น.ส.ภัทรา แจ่มตระกูล เจ้าของ ดิไฮฟ์ โฮสเทล เล่าว่าก่อนเกิดเหตุแหม่มสาวได้เข้ามาพักที่โรงแรมของตนเอง กับเพื่อนชายอีก 4 คน รวม5 คน ตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย. – 26 มิ.ย. จนกระทั่งช่วงเช้าของวันสุดท้าย ได้พบ น.ส.อิซาเบล วิคตอเรีย แบคเตอร์ ได้มาบอกกับตนเองว่า ถูกข่มขืน โดยตนเองได้แนะนำให้เข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ทาง น.ส.อิซาเบล วิคตอเรีย แบคเตอร์ ไม่ยอมไปแจ้งความ พร้อมกับบอกว่าจะต้องรีบเดินทางไปเกาะพะงัน เพื่อร่วมงานฟูลมูนปาร์ตี้กับแฟนหนุ่ม ก่อนจะมีการเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เกาะพงัน ในเรื่องทรัพย์สินสูญหายเท่านั้น ทว่ากลับมีเพื่อนชายที่อยู่ร่วมกลุ่มเดียวกัน ได้ย้อนกลับมาแจ้งความว่า น.ส.อิซาเบล วิคตอเรีย แบคเตอร์ ถูกข่มขืน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้รับแจ้งความเนื่องจากไม่ได้เป็นผู้เสียหาย อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ ตามที่แหม่มสาวกล่าวอ้าง แต่กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกไว้ได้เพียง 7 วัน ทำให้ข้อมูลถูกลบไปแล้ว
ทั้งนี้ ในส่วนเว็บไซต์ที่ปล่อยข่าวบิดเบือนข้อมูล ในส่วนนี้เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งมีโทษจำคุก 5 ปี ซึ่งเบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่า 14 คนที่ชมและแชร์วิจารณ์สร้างความเสียหายให้กับประเทศด้านการท่องเที่ยวซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ โดยในวันพรุ่งนี้ (29 ส.ค.61) จะเดินทางพบกงศุลอังกฤษประจำประเทศไทย เพื่อชี้แจงข้อมูลให้ทราบต่อไป