ผู้บับังคับการตำรวจภูธร จ.อำนาจเจริญ เรียกประชุมด่วน 3 สภ. ถกเครียดนานกว่า 3 ชั่วโมง คดีพบศพสาววัย 33 ปี ถูกสังหารโหดหมกคารถเก๋ง พร้อมระบุนอกเหนือตั้งข้อสันนิษฐานสาเหตุการตายมาจากฆ่าชิงทรัพย์และขัดแย้งเรื่องเงินกู้แล้ว ยังมีปมโรคซึมเศร้าฆ่าตัวตายเองอีกด้วย
จากกรณีที่ญาติได้ประกาศตามหาคนหายผ่านเพจฮักอำนาจเจริญ จนกระทั่งมีคนมาพบเห็นรถคันดังกล่าวจอดทิ้งไว้ซอยเปลี่ยวข้างคลองส่งน้ำชลประทาน และพบศพหญิงสาววัย 33 ปี เสียชีวิตจากการใช้ถุงหิ้วพลาสติกคลุมหัวจนขาดอากาศหายใจตายในสุด
อ่านข่าว : ฆ่าโหด! ถุงคลุมหัวสาวปล่อยเงินกู้หมกเก๋ง
วันนี้ (5 เม.ย.61) พล.ต.ต.ถวาย บูรณรักษ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.อำนาจเจริญ เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 โรงพักด่วน ได้แก่ สภ.ลืออำนาจ สภ.หัวตะพาน และสภ.เมืองอำนาจเจริญ รวมไปถึงเจ้าหน้ากองสืบภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ เกี่ยวกับความคืบหน้ากรณีปมสังหารโหดสาววัย 33 ปีหมกคารถเก๋ง ทิ้งไว้ข้างคลองส่งน้ำชลประทานนานกว่า 3 ชั่วโมง ก่อนที่ ผบก.ภ.จว.อำนาจเจริญ ออกมาชี้แจงและให้สัมภาษณ์กับสื่อเกี่ยวกับความคืบหน้าของคดีดังกล่าว รวมทั้งกล่าวสาเหตุการตายของสาววัย 33 ปี ว่า มีอีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ผู้ตายอาจจะเป็นโรคซึมเศร้าและคิดสั้นฆ่าตัวตายเองก็เป็นได้
พล.ต.ต.ถวาย บูรณรักษ์ ผบก.ภ.จว.อำนาจเจริญ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ว่า จุดเริ่มต้นก่อนเกิดคดีดังกล่าว จากการตรวจสอบและสอบปากคำสามีของผู้ตายทราบว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์ที่น่าสลดดังกล่าวขึ้น ผู้ตายและสามีนำเงินสดจำนวนหนึ่งเดินทางไปที่ จ.ระยอง เพื่อไปซื้อรถตู้ที่ระยองมาไว้ใช้งาน โดยเดินทางไปที่ทางรถทัวร์ แต่รถตู้ที่จะซื้อนั่นต้องรอให้หมดคิวรถหยุดวิ่งก่อนในวันที่ 10 เม.ย.นี้ ซึ่งทางผู้ตายและสามีก็จะได้ขับรถตู้ดังกล่าวกลับมาที่ จ.อำนาจเจริญ ที่เมื่อคืนก่อนวันเกิดเหตุทางผู้ตายได้ขออนุญาตสามีเพื่อที่จะได้เดินทางกลับมาที่บ้านก่อน เนื่องจากจะกลับมาทำธุระเกี่ยวกับการปล่อยเงินกู้ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ อ.หัวตะพาน ซึ่งผู้ตายมีอาชีพปล่อยเงินกู้อยู่แล้ว สามีจึงได้มาส่งผู้ตายขึ้นรถจากระยองมาลงที่สถานีขนส่งอุบลราชธานีในตอนเช้าของวันเกิดเหตุ โดยมีพ่อของผู้ตายแม่ของผู้ตายและลูกสาวขับรถไปรับที่สถานีขนส่งผู้โดยสารอุบลฯ ระหว่างทางกลับมาที่ จ.อำนาจเจริญ ผู้ตายได้แวะโอนเงินในบัญชีที่ธนาคาร ธกส.สาขาม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี โดยโอนเงิน 4 ครั้ง ครั้งละ 30,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งหมด 120,000 บาท ไปให้กับสามี เผื่อสามีมีความจำเป็นที่จะได้ใช้เงิน ก่อนที่จะกดเงินสดออกมาอีกครั้ง 6 ครั้งครั้งละ 2 หมื่นบาท ทำให้ผู้ตายมีเงินสดติดตัว 120,000 บาท จากนั้นผู้ตายได้กลับเข้าไปที่บ้านพร้อมกับครอบครัว
จนกระทั่งเวลาประมาณ 10.00 น. ผู้ตายได้บอกกับลูกสาวว่าจะเอาเงินไปให้ลูกค้า (ชาวบ้าน) ที่ต้องการจะกู้ ก่อนที่จะได้ขับรถมาเข้าที่ในตัวเมืองอำนาจเจริญ โดยผู้ตายได้ไปแวะที่ 7-11 ที่ปั้มน้ำมัน ปตท.ทางไปยโสธร ในช่วงเวลาประมาณ 10.34 น. ก่อนที่จะวกกลับเข้ามาจอดรถที่ศาลหลักเมืองจังหวัดอำนาจเจริญ
อ่านข่าว : ภาพวงจรปิดสาว33 ปี ก่อนถูกฆ่าหมกเก๋ง
สอดคล้องกับแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ศาลหลักเมืองให้การว่าเห็นผู้ตายแวะมาทานก๋วยเตี๋ยวกับผู้หญิงอีก 2 คน เมื่อช่วงเวลาประมาณ 12.00 น. ก่อนที่จะหายไป และจากการตรวจสอบผู้ตายได้จอดแวะที่ตลาดใกล้กับโรงรับจำนำเทศบาลเมืองอำนาจเจริญ เมื่อช่วงเวลา 14.00 น. ซึ่งหลังจากที่ผู้ตายจอดแวะที่จุดดังกล่าวแล้วสัญญาณโทรศัพท์มือถือไม่สามารถติดต่อได้และหายไป ไปโผล่อีกครั้งยังที่เกิดเหตุซึ่งพบศพผู้ตายอยู่ที่ซอยเปลี่ยวข้างคลองน้ำชลประทาน บ้านน้ำท่วม โดยก่อนหน้านั่นมีชาวบ้านที่ผ่านไปมาแถวนั่นพบเห็นรถคันดังกล่าวจอดทิ้งไว้เมื่อช่วงเวลาก่อน 15.00 น. จนแม้กระทั่งเวลา 18.00 น. รถคันดังกล่าวก็ยังจอด และด้วยความที่ลูกสาวของผู้ที่พบเห็นว่ามีการประกาศคนหายที่เพจฮักอำนาจเจริญ ผู้ที่พบเห็นคนแรกจึงได้บอกกับลูกสาวว่าพบจอดอยู่ทางไปนาข้างคลองชลประทาน ก่อนที่จะได้แจ้งไปยังผู้ใหญ่บ้าน และแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบดูในที่สุด
อ่านข่าว : รู้ตัวแล้ว “ฆาตกร” ฆ่าสาวหมกเก๋ง
พล.ต.ต.ถาวร เปิดเผยต่ออีกว่า ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งให้ทุกฝ่ายตรวจสอบทุกจุดที่ผู้ตายเดินทางไปแวะพัก รวมถึงการเช็กเบอร์โทรศัพท์ที่โทรเข้าโทรออกทุกเบอร์ที่ผู้ตายโทรและรับ รวมไปถึงให้ทางญาติเช็คทรัพย์สินมีค่าของผู้ตายอยู่ครบหรือไม่ เพราะจากการตรวจสอบไม่พบกระเป๋าเงินของผู้ตายรวมถึงบัตรประชาชน และเงินสดอีก 80,000 บาทที่ผู้ตายถือมาด้วย ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวยังไม่แน่ชัดว่าจะเป็นการเอาไปปล่อยกู้หมดแล้วหรือไม่หรือถูกฆ่าชิงทรัพย์ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ตัดประเด็นได้คดีนี้ทิ้งไม่ว่าจะเป็นการฆ่าชิงทรัพย์ ฆ่าล้างหนี้ หรือหักหลังเกี่ยวกับธุรกิจปล่อยกู้ หรืออาจจะเป็นการฆ่าตัวตายเองก็เป็นได้ เนื่องจากมีการตั้งข้อสันนิษฐานว่าผู้ตายได้ไปซื้อยาจำนวน 3 แผงที่ 7-11 และในรถที่เกิดเหตุก็พบยาตกหล่นอยู่ 1 เม็ด อีกทั้งจากการสอบปากคำสามีของผู้ตาย ก็จะมีข้อความเป็นนัย ๆ ที่บอกว่าให้สามีดูแลตัวเองดี ๆ เวลาของผู้ตายใกล้จะหมดแล้ว ซึ่งประเด็นดังกล่าวเจ้าหน้าที่จะได้นำศพผู้เสียชีวิตส่งไปที่นิติเวชเพื่อให้ตรวจสารที่ตกค้างอยู่ในร่างกายอีกครั้งหนึ่ง