วันนี้ (2 มิ.ย.) เวลา 13.40 น. นางวันเพ็ญ ธนธรรมศิริ พี่สาวของ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง หรือ “เสี่ยชูวงษ์” อดีตนักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่ถูกฆาตกรรมเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.58 เดินทางมาติดตามความคืบหน้าของคดี หลังผ่านมาแล้วกว่า 2 ปี คดียังไม่มีการส่งฟ้องไปยังอัยการสูงสุด
นางวันเพ็ญ กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาเพื่อติดตามคดี 2 ส่วน คือ คดีที่มีการโอนหุ้นไปให้ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล พริตตี้สาวคนสนิทของ “เสี่ยชูวงษ์” จำนวน 228 ล้านบาท กับ น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล โบรกเกอร์บริษัทหลักทรัพย์ เออีซีเอส จำกัด (มหาชน) จำนวน 40 ล้านบาท รวมกว่า 300 ล้านบาท และคดีฆาตกรรม “เสี่ยชูวงษ์”
โดยส่วนของคดีการโอนหุ้นนั้น ตอนนี้ติดอยู่ที่ขั้นตอนของอัยการสูงสุด เนื่องจากอัยการเจ้าของคดีสั่งฟ้องผู้ต้องหาแต่ นายสุทธิ กิตติศุภพร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ สั่งไม่ฟ้องในคดีดังกล่าว อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีความเห็นแย้ง เรื่องขณะนี้จึงถูกส่งฟ้องให้อัยการสูงสุดพิจารณา
ส่วนคดีการเสียชีวิตที่ทาง สน.อุดมสุข โอนมาให้กองปราบ ก่อนที่กองปราบจะมีการสรุปสำนวนคดีส่งให้อัยการศาลจังหวัดพระโขนง แต่ตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด และมีอีกส่วนหนึ่งที่ทางญาติส่งฟ้องเองมีความคืบหน้าไปมากกว่า
สาเหตุที่ นางวันเพ็ญ เข้ามาร้องในวันนี้ เนื่องจาก ที่ผ่านมาทั้ง 2 คดี มีการส่งฟ้องและตีคดีกลับมาแล้วหลายครั้ง มีการสั่งสอบเพิ่มเรื่อย ๆ แต่ยังไม่มีการส่งฟ้องไปถึงชั้นศาล และเนื่องด้วยในคดีนี้มีความเกี่ยงข้องกับ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ หนึ่งในผู้ต้องหา ซึ่งเป็นอดีตตำรวจ และอดีตพนักงานสอบสวน ยังคงร้องขอความเป็นธรรมอยู่เรื่อย ๆ ญาติจึงมองว่าอาจจะเป็นเทคนิคการประวิงเวลาของผู้ต้องหา โดยใช้ความรู้ของการเคยเป็นพนักงานสอบสวน เพื่อให้คดีหมดอายุความหรือไม่
นอกจากนี้ นางวันเพ็ญได้ตั้งคำถามถึงอัยการว่าเป็นถึงทนายความของแผ่นดิน ว่าอัยการทำหน้าที่อะไรกันอยู่ ในเมื่อคดีผ่านมากว่า 2 ปีแล้ว ผู้เสียหายยังไม่ได้รับความเป็นธรรม กังวลว่าคดีสอบไปเรื่อย ๆ เมื่อใดจะยุติ เมื่อใดเรื่องจะถึงศาล ในเมื่อตัวผู้ต้องหาเองปฏิเสธที่จะให้การในชั้นพนักงานสอบสวน และชั้นพนักงานอัยการ ขอต่อสู้ในชั้นศาลเท่านั้น เหตุใดจึงยังไม่ส่งฟ้องไปยังศาล และยังมีความกังวลว่าหากยังคงส่งสำนวนไปยัง นายสุทธิ กิตติศุภพร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ ก็จะยังคงมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องตามเดิม
ทั้งนี้ นางวันเพ็ญ บอกว่าได้มีการร้องไปทุกที่ ไม่ว่าจะเป็น ผบ.ตร. กองปราบปราม กระทรวงยุติธรรม ศูนย์ดำรงธรรม สำนักนายกรัฐมนตรี กรมสอบสวนคดีพิเศษ ก็ยังไม่มีที่ใดสามารถช่วยเหลือได้ จึงต้องคอยติดตามความคืบหน้าเอง
สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.58 คือ เมื่อนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ และมีการโอนหุ้นกว่า 300 ล้านบาท ไปให้พริตตี้และโบรกเกอร์สาว จนนำไปสู่การสืบสวน เรื่องความสัมพันธ์ของเสี่ยชูวงษ์ พ.ต.ท.บรรยิน และ 2 สาวที่รับโอนหุ้น จนสามารถจับกุมตัว ผู้ต้องหาคือ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ได้เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.559
หลังจากนี้ต้องรอดูว่าการเข้ามาติดตามความคืบหน้าครั้งนี้จะทำให้คดีมีความคืบหน้าเพิ่มเติมหรือไม่ หรือจะมีการประวิงเวลาในคดีไปเรื่อย ๆ โดยผู้ต้องหาที่เป็นถึงอดีตพนักงานสอบสวนรู้ข้อกฎหมายดี จนกว่าคดีจะหมดอายุความ
ทางด้าน พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รองผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผยว่า สำนวนของที่ 2 คดีนั้น เบื้องต้น ได้สรุปสำนวนส่งไปให้พนักงานอัยการเมื่อปลายปี 2559 แล้ว ซึ่งทางพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง จึงได้ส่งเรื่องกลับมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ซึ่ง สตช. มีความเห็นสั่งฟ้องจึงได้สั่งการให้กองปราบปรามสอบสวนเพิ่มเติม
พ.ต.อ.ชาคริต ยังกล่าวอีกว่า ทางกองปราบปรามก็ได้ทำการสอบสวนไปตามขั้นตอน และขณะนี้ก็พ้นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนแล้ว และได้ส่งไปให้กับพนักงานอัยการพิจารณาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขอเวลาให้ทางอัยการได้พิจารณา 1-2 เดือน ยืนยันว่าประเทศไทยยังมีความยุติธรรมอยู่ มั่นใจว่าคดีนี้จะได้รับความยุติธรรม และไม่หมดอายุความก่อนแน่นอน
ข่าว-ภาพ : ธนาคาร ธนาเกียรติภิญโญ
Twitter : @FrameJournalist
