จากกรณีที่เกิดเหตุการณ์ เด็กนักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ได้ใช้มีดสปาต้ายาวประมาณ 6 นิ้ว แทงเด็กนักเรียนชายรุ่นพี่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จนได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดที่บริเวณข้างศาลาพักร้อน สนามหน้าอาคารเรียนในสถานศึกษาแห่งหนึ่งในเขต ต.น้ำร้อน อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ เมื่อเวลาประมาณ 16.30 น. ของวันที่ 31 พ.ค.60 ที่ผ่านมา โดยหลังเกิดเหตุ ทางโรงเรียนได้โทรศัพท์แจ้งรถกู้ชีพของ อบต.ยางสาว มารับไปส่งโรงพยาบาลวิเชียรบุรี แต่เด็กนักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ทนพิษบาดแผลไม่ไหวสิ้นใจที่ในห้องฉุกเฉิน และหลังเกิดเหตุเด็กนักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ก่อเหตุได้วิ่งหลบหนีหายเข้าไปในป่าข้าวโพดข้างโรงเรียน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวได้ เมื่อเวลา 21.30 น. วันเดียวกัน ในขณะที่นักเรียนที่ก่อเหตุหิวโซออกมาหาซื้อน้ำดื่มที่หมู่บ้านใกล้เคียง และได้ควบคุมตัวไปฝากขังที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดเพชรบูรณ์
ล่าสุด นายพงษ์ศักดิ์ กางถิ่น ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าว (โรงเรียนน้ำร้อนวิทยาคม) ได้เรียกประชุมครูฝ่ายปกครอง เพื่อเตรียมหามาตราการป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีก โดยกล่าวว่า ทางโรงเรียนเปิดสอนมาหลายสิบปี ไม่เคยมีเหตุการณ์รุนแรงลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้น ซึ่งช่วงนี้ทางโรงเรียนพึ่งเปิดเรียนมาได้เพียง 2 สัปดาห์ ทำให้การตรวจสอบคัดกรองประวัติเด็กนักเรียนยังไม่แล้วเสร็จ โดยเฉพาะเด็กนักเรียนที่ก่อเหตุ เป็นเด็กนักเรียนที่พึ่งย้ายมาจากโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งได้เพียง 2 สัปดาห์ ซึ่งต่อไปนี้ทางโรงเรียนได้เตรียมมาตราการเข้ม ในการตรวจสอบไม่ให้เด็กนักเรียนนำอาวุธและของมีคมเล็ดลอดเข้ามาในโรงเรียน
ส่วนศพของ นายธเนตร ชุบขุนทด อายุ 15 ปี เด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เสียชีวิต นายมานพ ชุบขุนทด และ นางสำลี คำกำพุฒ ซึ่งเป็นบิดามารดา ได้นำศพมาตั้งเพื่อบำเพ็ญกุศลที่บ้านเลขที่ 7 หมู่ 2 ต.น้ำร้อน อ.วิเชียรบุรี ท่ามกลางบรรยากาศที่โศกเศร้า
นางสำลี คำกำพุฒ กล่าวว่า ทันที่ที่ทราบข่าวแทบช็อก ลงรถไม่ได้ และไม่กล้าไปดูหน้าลูกจนหมอต้องพาไปพักในห้อง ส่วนเรื่องเด็กที่ก่อเหตุตนไม่ได้คิดแค้นอะไรปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย คิดว่าเป็นวิบากกรรมระหว่างระหว่างเขากับลูกเรา ตอนนี้บอกที่หน้าศพลูกว่าไม่ให้จองเวรให้อโหสิกรรมกัน และไม่อยากให้มาขอขมาเพราะอาจจะทำให้เกิดความเคียดแค้นกันไม่จบ
นางสาวิตรี บุญนะ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มการพัฒนาสังคมและสวัสดิการ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่งคงของมนุษย์ จ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ส่งทีมนักสังคมสงเคราะห์และนักจิตวิทยาลงพื้นที่เยี่ยมเยือน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งครอบครัวของเด็กที่ก่อเหตุและเด็กที่ถูกกระทำ ซึ่งทราบว่าผู้กระทำมีฐานะยากจน ส่วนผู้ถูกกระทำมีฐานะยากจนและมีพี่สาวที่กำลังศึกษาอยู่อีก 1 คน เบื้องต้นพัฒนาสังคมได้เยียวยาทั้ง 2 ฝ่าย ครอบครัวละ 3,000 บาท และในระยะยาว จะมีงบประมาณกองทุนคุ้มครองเด็กจากทางกระทรวงฯ จัดสรรงบประมาณไว้ให้เยียวยาเด็กที่ครอบครัวประสบปัญหา โดยจะพิจารณาจากกองทุนคุ้มครองเด็ก ที่จะให้เป็นทุนการศึกษาหรือเป็นทุนประกอบอาชีพให้กับครอบครัว ซึ่งจะอยู่ที่ดุลพินิจของนักสังคมสงเคราะห์และคณะกรรมการ ซึ่งขณะนี้กำลังรอฟังรายละเอียดจากทีมที่ลงพื้นที่ เพื่อพิจารณาให้การช่วยเหลือต่อไป