ตำรวจรวบแก็งปลอมบัตรเครดิต จะซื้อโรงแรงดังย่านแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังจังหวัดกระบี่ มูลค่ากว่า 700 ล้าน โชคดี ธนาคารตรวจสอบพบพิรุธ จับได้ยกแก็ง เผยกลุ่มคนร้ายเคยติดต่อซื้อโรงแรมในพื้นที่กระบี่ และจังหวัดใกล้เคียงมาแล้วหลายแห่งมูลค่ากว่า 5,000ล้านบาท
ตำรวจฝ่ายสืบสวนภูธรจังหวัดกระบี่ คุมตัว ผู้ต้องหาร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิ์ปลอม ในการหลอกซื้อโรงแรมในย่านหาดอ่าวนาง ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ตามหมายจับของศาลจังหวัดกระบี่ จับผู้ต้องหาได้5คน เป็นคนไทย1คน คือ นางธนกร ชีวิตรุ่งเรือง ที่เหลือมาจากมองโกเลีย//เกาหลีใต้อย่างละ2คน
https://youtu.be/eLXWcMTZoIc
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อ วันที่ 12 เมษายน ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากธนาคารกรุงเทพสาขากระบี่ ว่า มีกลุ่มผู้ต้องสงสัยชายหญิงเป็นคนไทยและต่างชาติ ได้ทำการติดต่อขอซื้อโรงแรมกระบี่เฮอริเทจ เป็นเงินกว่า 700ล้านบาท แต่ได้มีการทำสัญญาจะซื้อจะขายกันที่300ล้านบาท นัดทำรายการกันที่ธนาคารกรุงเทพ สาขากระบี่ โดยมีการใช้เครื่องรูดบัตรเครดิตในลักษณะการใช้ระบบออฟไลน์ ซึ่งในตอนแรกนั้นรูดแล้วไม่ผ่าน จึงขอให้เจ้าหน้าที่ เข้าทำการตรวจสอบ พบว่า เมื่อช่วงระหว่างวันที่ 10-11 เมษายน กลุ่มผู้ต้องหาได้รูดบัตรเครดิตด้วยตนเอง65 ครั้ง เป็นเงิน 60 ล้านบาท แล้วนำสลิปมาแสดงให้กับเจ้าหน้าที่ของโรงแรมที่จะซื้อดู เพื่อยืนยันว่าจะทำการซื้อจริง แต่เมื่อธนาคารตรวจสอบกลับพบว่าสลิปแต่ละใบ ที่ทำการรูดไปนั้น มีรหัสที่ไม่ถูกต้อง ธนาคารเจ้าของบัตรจึงได้ปฏิเสธในการทำรายการเนื่องจากเงินในบัญชีไม่เพียงพอ
นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบว่ากลุ่มผู้ต้องหารายนี้ยังไปหลอกขอซื้อโรงแรมอีกแห่ง อีกจำนวน 550ล้านบาท แต่ยังไม่มีการทำสัญญาจะซื้อจะขายแต่อย่างใด
จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มคนร้ายไม่มีความสามารถที่จะซื้อโรงแรมได้จริง แต่มีการวางแผนหลวงลวงเป็นขั้นตอน จนกระทั่งจะมาตกลงจะซื้อในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งมีวันหยุดยาว เพื่อให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถตรวจสอบและติดต่อประสานงานกันได้ทัน เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน เสนอต่อศาลเมื่อขออนุมัติหมายจับกุมในที่สุด เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการตรวจสอบประวัติของนางธนกร ซึ่งเดิมเป็นชาว จ.เชียงใหม่ พบว่า มีประวัติคดีฉ้อโกง และคดีในลักษณะดังกล่าวมาแล้วจำนวน9คดี ขณะที่ประวัติกลุ่มผู้ต้องหารายนี้ เคยมีการติดต่อขอซื้อโรงแรมในจังหวัดกระบี่และจังหวัด อื่นๆ อีกหลายแห่ง รวมมูลค่ากว่า 5,000ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้สืบสวนขยายผลต่อไป