ลอกคราบ แก๊ง ยัดยา – อุ้มรีดทรัพย์ วงแตก หลังถูกเปิดโปงพฤติกรรม
เมื่อ คนร้าย อ้างตัวเป็น “ตำรวจ” 4 นาย บุกบ้านพักนายอัษฎายุธ วรากรณ์ กลางดึกของวันที่ 28 เมษายน 2561 ย่านลำลูกกา ขอเข้าตรวจค้นภายในบ้าน ซึ่งในขณะมีบุคคลภายในบ้าน อยู่รวมกัน 4 คน ซึ่งจากการตรวจค้น ปรากฎว่าพบยาไอซ์จำนวนหนึ่งภายในบ้าน ด้วยความสงสัยของคนภายในบ้าน ว่าพบยาเสพติดในบ้านได้อย่างไร โดยทางกลุ่มชายทั้ง 4 คนได้ควบคุมตัว นายอัษฎายุธ วรากรณ์ พร้อมน้องชาย ขึ้นรถกระบะโตโยต้าสีแดง ออกจากบ้านพักไปเจรจาที่ ลานจอดรถของสโมสรตำรวจถนนวิภาวดี รังสิต
นายอัษฎายุธ ผู้เสียหาย ได้เผยว่า โดยระหว่างทางไป กลุ่มชายที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจกลับเรียกเงิน และข่มขู่ เพื่อแลกกลับการไม่ถูกดำเนินคดี โดยได้เรียก เงิน และ ทอง 4 บาท มูลค่ากว่า 1.4 แสนบาทไปได้ ขณะที่บ้านพักของายอัษฎายุธ ยังมีชาย อีก 2 คนขับรถกระบะยีห้อฟอร์ดที่แดง เข้าตรวจค้นบ้านอีกรอบและฉกพระเหลี่ยมทอง และทองคำครึ่งสลึง เงินสดอีก 500 บาทไปด้วย
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ ผู้เสียหาย เข้าแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.คูคต วันที่ 28 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา จนทำให้ขบวนการนี้ถูกลอกคราบ ถูกไล่ล่า จับได้ที่ละคน จนนำไปสู่การออกหมายจับ ผู้ต้องหา 7 คน ซึ่งปรากฎว่า 3 ใน 7 ผู้ต้องหาเป็นตำรวจจริง ประกอบด้วย
ร.ต.อ.เฉลิมชัย สุติบุตร รอง สว.สส.สน.พลับพลาไชย 2
ด.ต.สมบัติ สนั่นเอื้อ ผบ.หมู่ สส.สน.ประเวศ
ด.ต.ธีระยุทธ จันทร์มี
นายพรศักดิ์ เสาวพงษ์
นายพรพิชัย เจริญสุข อดีตอาสาสมัครของ สภ.คูคต
นายประทาน (ต้น) ศรีจันทร์
นายประสิทธิ์ อ่องเอี่ยม ข้อหา ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีหรือใช้อาวุธปืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด
โดยขณะนี้สามารถจับกุมได้แล้ว 3 ราย และเสียชีวิต 1 ราย ดังนี้
นายพรศักดิ์ หรือหนึ่ง เสาวพงษ์ จับกุมได้ในวันต่อมาในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี 29 เม.ย.61
,นายประทาน (ต้น) ศรีจันทร์ จับกุมได้ในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว 6 พ.ค.61,ร.ต.อ.เฉลิมชัยสุติบุตร จับกุมได้ในพื้นที่อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ 14 พ.ค.61 ,นายประสิทธิ์ (อุ๋ย) อ่องเอี่ยม พบศพเมื่อ 2 พ.ค.61 (สภ.ไพศาลี) ถูกยิงเสียชีวิต
ส่วน ด.ต.สมบัติ สนั่นเอื้อ ผบ.หมู่ สส.สน.ประเวศ , ด.ต.ธีระยุทธ จันทร์มี
นายพรพิชัย เจริญสุข อดีตอาสาสมัครของ สภ.คูคต อยู่ระหว่างการหลบหนี
โดยทางด้านพลตำรวจโท สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เปิดเผยว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 คน อยู่ระหว่างหลบหนีไปที่ประเทศกัมพูชา เนื่องจากก่อนที่ทางตำรวจภาค1จะออกหมายจับคดีร่วมกันปล้นทรัพย์ทางผู้ต้องหาทั้ง3รายนี้ได้ทำหนังสือเดินทางออกนอกประเทศมีการประทับตราอย่างถูกกฎหมายเพียงวันเดียวแต่ทางตำรวจชุดจับกุมอยู่ระหว่างประสานตำรวจในพื้นที่กัมพูชาให้ช่วยติดตามตัวมาดำเนินคดี
https://youtu.be/LsAmDwcve9g
สำหรับการจับกุม ร.ต.อ.เฉลิมชัย สุติบุตร พลตำรวจโท สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 , เปิดเผยอีกว่าจากการสืบสวน หลังจากเกิดเหตุทราบว่า ร.ต.อ.เฉลิมชัยฯ ได้หลบหนีการจับกุมจากพื้นที่จังหวัดปทุมธานีได้หนีไปพักในหลายจังหวัด และในวันที่ 14 พ.ค.61 พบข้อมูลความเคลื่อนไหวที่จังหวัดบุรีรัมย์ จึงได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน ภาค 3 และ สภ.นางรอง ร่วมปฏิบัติการไล่ล่าจนสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณริมถนนโชคชัย-เดชอุดม (แยกไฟแดง บขส.นางรอง) ต.นางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ จับกุมได้พร้อมอาวุธปืนและยานพาหนะที่ใช้ในการหลบหนี
พลตำรวจโท สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 , เปิดเผยต่ออีกว่า ร.ต.อ.เฉลิมชัย ได้ให้การรับว่าหลังจากก่อเหตุปล้นทรัพย์ที่คูคตแล้วได้หลบหนีไปกับนายประสิทธิ์ (อุ๋ย) อ่องเอี่ยมที่พบเป็นศพถูกฆ่าตายที่ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์โดย ร.ต.อ.เฉลิมชัย ได้ขับรถไปหาพ่อตาที่เป็นตำรวจเก่า ยศ.ร.ต.ท.เกษียณราชการ ซึ่งพ่อตาคนนี้ได้รัก ร.ต.อ.เฉลิมชัยคนนี้มาเพราะเป็นตำรวจเหมือนกันจากนั้นไปปรึกษาพ่อตาว่าได้เกมส์(ถูกออกหมายจับ)มาจากเขต สภ.คูคตตอนนี้เป็นข่าวหน้า1ทุกฉบับและตำรวจภาค1กำลังตามล่าตัวทำให้พ่อตาที่ตำรวจ ทราบชื่อภายหลัง ร.ต.ท.ละยู สูนน่วม เกิดความโมโหได้วางแผนร่วมกับ ร.ต.อ.เฉลิมชัยและชายวัยกลางคนเป็นญาติพ่อตาได้ขับรถอีแต๋นพานายประสิทธิ์ (อุ๋ย) อ่องเอี่ยม คนพบเป็นศพถูกฆ่าตายเข้าไปในป่ารกร้างและวางแผนฆ่าอำพรางศพเพื่อปิดปากในคดี สภ.คูคตจากนั้นได้นำปืนที่ยิงนานประสิทธิ์ไปฝังไว้และแยกย้ายกันหลบหนีไปซึ่งต่อมาทางตำรวจ สภ.ไพศาลีได้จับกุมพ่อตาและญาติพ่อตาที่ร่วมกันก่อเหตุไว้ได้แต่ยังให้การปฎิเศษอยู่ส่วน ร.ต.อ.เฉลิมชัยได้หลบหนีมาหาพรรคพวกที่ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์และทำการโกนหัวเรียนแบบพระสงฆ์เปลี่ยนรถหลายคันและใส่ทะเบียนปลอมตลอดเวลาเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมแต่สุดท้ายก็ไม่รอด
ทั้งนี้ทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกว่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ปล้นทรัพย์โดยแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยมีหรือใช้อาวุธปืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั่นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม ฯ “โดยต้องได้รับโทษหนัก2เท่าจากนั้นนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.คูคต ทำแผนเพื่อดำเนินคดีต่อไปยืนยันว่าแม้ผู้ต้องหาที่เป็นตำรวจทาง พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เร่งรัดสืบสวนและติดตามจับให้ได้โดยให้ถือเป็นคดีสำคัญซึ่งกระทบต่อภาพลักษณ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้สั่งการให้ ตำรวจภูธรภาค 1 บูรณาการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดให้ได้โดยเร็ว